Family Business : ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เอกาโกลบอล จำกัด
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ
ประธานกรรมการ
และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
กลุ่มบริษัท เอกาโกลบอล จำกัด
สร้างฝันเป็นจริง
ก้าวสู่บรรจุภัณฑ์พลาสติกระดับโลก
จากทายาทรุ่นที่ 2
ของบริษัทแป้งมันสำปะหลังยักษ์ใหญ่ของประเทศ
ที่ขอสร้างทางเดินของตนเองด้วยการก้าวออกจากธุรกิจของครอบครัวเพื่อไปตามความฝันกับธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก
ซึ่งกว่าที่ฝันของ ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
กลุ่มบริษัท เอกาโกลบอล จำกัด จะสำเร็จอย่างทุกวันนี้นั้นไม่ได้ง่ายเลย
ต้องล้มลุกคลุกคลานจนแทบถอดใจ
แต่ด้วยความเชื่อมั่นในธุรกิจที่ตัดสินใจเลือกแล้วว่าต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ทำให้ฝ่าฝันอุปสรรคจนสามารถก้าวสู่บริษัทผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชนิด Longevity
Packing รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างในปัจจุบันได้
ออกจากกงสีตามล่าหาฝัน
ชัยวัฒน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มต้นทำงานครั้งแรก
ในฝายธนบดีธนกิจ ธนาคารไทยทนุ เป็นเวลา 2 ปี เพื่อหาประสบการณ์
จากนั้นได้ลาออกมาช่วยธุรกิจครอบครัว
โดยรับผิดชอบดูแลโรงงานผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง
เพื่อส่งขายให้แก่บริษัทต่างๆ ซึ่งในขณะนั้นตนเองไม่มีความรู้เรื่องของการผลิตเครื่องจักรเลย
ก็ต้องค่อยเรียนรู้วิธีการผลิต ขั้นตอนการพัฒนาโปรดักต์ การบริหารต้นทุน ฯลฯ
โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนรู้ในฐานะผู้บริหารที่ต้องรู้ทุกเรื่องแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญหรือลงไปทำเองทั้งหมด
ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทย และเวียดนาม
สามารถสร้างยอดขายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศ
เนื่องจากเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มและไม่มีคู่แข่ง
จังหวะนั้นได้รับการชักชวนจากนักลงทุนชาวออสเตรียเพื่อสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์จากพลาสติก
ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะเมื่อได้ศึกษาข้อมูลแล้วเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่ดี
จึงตัดสินใจร่วมลงทุน และตั้ง บริษัท ไทยออสโตร โมลด์ จำกัด และกลายมาเป็น บริษัท
เอกาโกลบอล จำกัด ในปัจจุบัน
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ให้ชัยวัฒน์ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกอย่างเต็มตัว
ขณะเดียวกันก็ยังคงรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวควบคู่กันไปด้วย
“ในช่วงเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่เต็มไปด้วยความยากลำบาก
แต่เราต้องการที่พิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่าเราทำได้แม้จะมีธุรกิจของครอบครัวอยู่แล้วก็ไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งกับกงสี
เราอยากที่จะทำธุรกิจเป็นของเราเอง อยากทำอะไรที่ยาก และท้าทาย”
ชัยวัฒน์เล่าว่า
ในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจเต็มไปด้วยความยากลำบาก
เพราะต้องใช้เงินลงทุนสร้างโรงงานมากถึง 300-400 ล้านบาท
ขณะที่สินค้าของบริษัทต้องใช้เวลาถึง 2
ปีเพื่อพิสูจน์ให้กับลูกค้าเห็นว่าเป็นสินค้าที่มีมาตรฐาน
สามารถลดต้นทุนและนำมาใช้บรรจุอาหารแทนกระป๋องได้
เนื่องจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่บริษัทผลิตขึ้นนั้น เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิด Longevity
Packing ซึ่งการันตีว่าสามารถเก็บรักษาอาหารไว้ได้นานถึง 2
ปีโดยไม่ต้องแช่เย็น
ดังนั้น
การที่จะเสนอขายให้กับลูกค้าที่เคยใช้กระป๋องในการบรรจุอาหารเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่นี้
จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
เพราะบริษัทต้องนำสินค้าไปใช้ลูกค้าได้ทดลองใช้ก่อนเป็นเวลา 2 ปี
เพื่อแสดงให้เห็นว่าสินค้าของบริษัทได้มาตรฐานจริง ซึ่งหมายความว่าในช่วง 2
ปีแรกของการทำธุรกิจ บริษัทจะไม่มีรายได้เลย ทำให้บริษัทประสบกับภาวะขาดทุนกว่า
100 ล้านบาท
ช่วงนั้น
ชัยวัฒน์ยังคงใช้เงินทุนจากกงสีมาลงทุนเพิ่มในบริษัทใหม่อยู่หลายปี
จนในที่สุดก็มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่า จะยังคงอยู่กับกงสี
หรือจะออกไปสร้างธุรกิจของตนเอง ในที่สุด
ชัยวัฒน์ก็ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าด้วยการหันหลังให้กงสี
และก้าวสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกอย่างเต็มตัว
เนื่องจากมั่นใจว่าธุรกิจที่กำลังทำมีโอกาสเติบโตในระยะยาว
อีกทั้งยังสอดคล้องกับพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
ชัยวัฒน์กล่าวว่า
จากความเชื่อมั่นในธุรกิจและสินค้าของบริษัทที่
เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่ออนาคตที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต
ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สินค้าของบริษัทมีคุณภาพ
สามารถรักษาอายุของอาหารได้นานถึง 2 ปี ไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสารก่อมะเร็ง
มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา สามารถออกแบบแพคเกจได้หลายรูปแบบ เข้าไมโครเวฟได้
เปิดทานแล้วทิ้งได้เลย โดยไม่ต้องนำมาใช้ซ้ำ เป็นต้น
5 ปีที่รอคอย..โอกาสสร้างกำไร
ชัยวัฒน์กล่าวว่า แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากแต่ภายใน 5 ปี ก็สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้มีกำไรได้ จากการที่มีโอกาสได้ติดต่อกับ บริษัท อินาบะ ซึ่งเป็นบริษัทขายอาหารสัตว์ อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น อายุกว่า 100 ปี ซึ่งขณะนั้นบริษัทอินาบะต้องการที่จะเปลี่ยนแพคเกจจิ้งสำหรับใส่อาหารสัตว์ใหม่
“ถือเป็นโอกาสดีที่ได้นำเสนอสินค้าของเราให้ อินาเบะ
โดยเราได้ลงทุนทั้งในส่วนของการออกแบบแม่พิมพ์ ดีไซน์แบบบรรจุภัณฑ์
ทดสอบคุณภาพของสินค้าเป็นเวลา 2 ปี
ซึ่งในที่สุดผลิตภัณฑ์ของเราก็สามารถผ่านมาตรฐานทุกอย่างของอินาบะได้”
จากจุดนี้เอง ทำให้ อินาบะ
กลายเป็นลูกค้ารายแรกที่สั่งสินค้าของบริษัท
และยังถือเป็นการเปลี่ยนเกมธุรกิจของบริษัทด้วย
เนื่องจากมีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นอีกหลายรายสนใจสั่งซื้อสินค้าโดยการเปลี่ยนจากแพคเกจจิ้งแบบกระป๋อง
มาเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทสามารถพลิกฟื้นผลประกอบการจากขาดทุนเป็น
100 ล้านบาท กลายเป็นสามารถสร้างผลกำไรได้ภายใน 5 ปี
การที่เราได้ทำธุรกิจอย่างทุกวันนี้ คือโอกาสที่ลูกค้าให้เรา เพื่อให้เราพิสูจน์ตัวเอง อาจจะเหมือนกับเป็นความโชคดี แต่ในความเป็นจริงคือโอกาสที่ลูกค้ามอบให้ ซึ่งเราจะสามารถพลิกโอกาสที่ได้รับให้ประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความทุ่มเทและตั้งใจของเรา
ชัยวัฒน์กล่าวว่า เอกา โกลบอล
ยังคงมองหาโอกาสทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562
บริษัทได้ตัดสินใจซื้อกิจการของ พริ้นท์แพค เอเชีย
จนทำให้กลายเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิด Longevity Packaging รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีโรงงานและสำนักงานในประเทศจีนและอินเดีย
ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะผลักดันให้ บริษัทมีการเติบโตสูงถึง 30% ต่อปีด้วย
โดยบรรจุภัณฑ์ของ เอกา โกลบอล
กำลังกลายเป็นสิ่งคุ้นชินในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค เห็นได้จากการที่มีสินค้าซึ่งใช้บรรจุภัณฑ์ของบริษัท
วางอยู่ในทุกชั้นวางสินค้าของโมเดิร์นเทรด โดยบรรจุอาหารหลากชนิด หลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น ซุป อาหารเด็ก อาหารสำเร็จรูป อาหารทะเล ผักผลไม้ สลัด
น้ำผลไม้ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องดื่มสมุนไพรกาแฟชาและอาหารสัตว์
ชัยวัฒน์กล่าวว่า
บริษัทตั้งเป้าผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิด Longevity Packaging ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้แก่ลูกค้า จากแนวคิดที่ไม่ใช่แค่การขายบรรจุภัณฑ์
แต่ต้องการสร้างโซลูชั่น (Solution) และ Value ให้กับลูกค้า
โดยพร้อมที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดโดยเฉพาะในตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน
(Ready-To-Eat)
ปัจจุบันได้ขยายการดำเนินธุรกิจไปในตลาดสำคัญทั่วภูมิภาค
เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และ สหรัฐอเมริกา
โดยมีสัดส่วนยอดขายส่งออก 95% ในประเทศ 5% ตั้งเป้ายอดขายขั้นต่ำปีละ 1,000
ล้านบาท
เจาะตลาด SME
ดันส่งออก
ชัยวัฒน์กล่าวว่า
บริษัทมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)
ก้าวสู่การทำธุรกิจระดับโลกด้วยการนำบรรจุภัณฑ์ของบริษัทไปใช้บรรจุอาหารเพื่อยืดระยะเวลาการจัดเก็บได้นานขึ้น
สามารถขนส่งได้ระยะทางที่ไกลกว่าเดิม
โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโมเดลของลูกค้า SME ในประเทศอินเดีย ที่เริ่มจากการเป็น SME ขนาดเล็กที่ขายขนมหวาน และซื้อบรรจุภัณฑ์ของบริษัทแค่หลักหมื่นใบต่อปี มาวันนี้ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจ จนกิจการขยายตัวกลายเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ทำสัญญาซื้อบรรจุภัณฑ์กับบริษัทปีละสิบล้านใบ เพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ รวมถึงประเทศที่มีคนอินเดียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
“เมื่อมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย
ซึ่งก็มีการทำขนมไทยส่งขายในลักษณะเดียวกับในประเทศอินเดียอยู่แล้ว
แต่ปัญหาคือสินค้าประเภทขนมหวานของไทยไม่สามารถส่งออกหรือส่งไปขายไกลๆ ได้
เพราะไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน”
ชัยวัฒน์กล่าวว่า
จุดนี้เองทำให้มองว่าบรรจุภัณฑ์ของบริษัทสามารถเข้ามา Disruption
โลกของลูกค้ากลุ่ม SME ในแบบเดิม
โดยช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับ SME ไทยให้สามารถส่งสินค้าออกไปขายยังประเทศต่างๆ
ได้ทั่วโลก เพราะเก็บรักษาสินค้าไว้ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องใช้สารกันบูด
และยังช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย
โดยในช่วงแรกบริษัทจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้า
SME
ที่ขายขนมหวาน เพราะสินค้าในกลุ่มนี้ต้องการแพ็กเกจจิ้งที่ดี
ที่สามารถกันน้ำกันอากาศได้ สามารถอยู่ได้นานถึง 3 เดือน ช่วยแก้ไขปัญหาของขนมไทยที่อยู่ได้ไม่เกิน
3 วัน ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายเล็กอย่าง SME ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทจะสร้าง Technical
Center ใหม่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในสิ้นปี
พร้อมสร้างสำนักงานใหม่ ที่มีทั้งเครื่องฆ่าเชื้อ เครื่องซิล เครื่องตรวจโพลิเมอร์
การทดสอบเกี่ยวกับพลาสติกทุกขั้นตอน
ซึ่งหากลูกค้าต้องการที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ของบริษัทเพื่อพัฒนาสินค้าก็สามารถติดต่อขอเข้ามาใช้บริการได้
โดยบริษัทยังคงเน้นการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ การทดสอบคุณภาพ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามาสร้างสินค้าตัวอย่างเพื่อส่งมอบให้กับผู้ซื้อหรือผู้จัดจำหน่าย ที่ศูนย์ของบริษัทได้ รวมถึงเปิดให้นักศึกษาและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วย
ติดตามอ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ในคอลัมน์ Family Business วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนมีนาคม 2563 ฉบับที่ 455 บนแผงหนังสือชั้นนำทั้่วประเทศและในรูปแบบดิจิทัล : https://goo.gl/U6OnIi