AWARDS • SET AWARDS

Best CEO Award รางวัลผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม และ Best Company Performance Awards รางวัลผลดำเนินงานยอดเยี่ยม

บทความโดย: Admin

Best CEO Award

รางวัลผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม

Best Company Performance Awards

รางวัลผลดำเนินงานยอดเยี่ยม

บมจ.คาราบาวกรุ๊ป  (CBG)

เสถียร เศรษฐสิทธิ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG)

 

บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG) ได้รับรางวัลผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม และรางวัลผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม ในงาน SET Awards 2020 โดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วารสารการเงินธนาคาร มอบให้แก่ผู้บริหารและบริษัทที่แสดงถึงความโดดเด่นในการนำพาองค์กรเดินหน้าภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สู่การเป็นองค์กรต้นแบบในตลาดทุน ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ยกระดับตลาดทุนไทยสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ ให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

 

เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG) กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลว่า รู้สึกดีใจและได้รับเกียรติเป็นอย่างสูง ทั้งจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจาก วารสารการเงินธนาคาร เพราะหากมองย้อนกลับไปบุคคลที่เคยได้รับรางวัลตลอด 17 ปีที่ผ่านมา แต่ละบุคคลล้วนมีชื่อเสียง มีผลงานที่สามารถบริหารองค์กรได้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และยังมีผลงานเป็นที่ประจักษ์อยู่จนถึงปัจจุบัน

โดยความสำเร็จที่ผ่านมานั้น เสถียรเผยถึงเคล็ดลับว่า มาจากการให้ความสำคัญกับคนเป็นหลักในการทำงาน

 “คาราบาวกรุ๊ป ให้ความสำคัญกับคนเป็นหลักในการทำงาน ทำให้คนทั้งองค์กรเข้าใจว่าวิสัยทัศน์ขององค์กรคืออะไร ซึ่งเราปลูกฝังให้คนทั้งองค์กรมีวิสัยทัศน์ หรือมีเข็มมุ่งที่จะไปข้างหน้าอย่างไรร่วมกัน ดังนั้น ทุกคนในองค์กรจะร่วมมือกัน เพื่อผลักดันเป้าหมายขององค์กรไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คาราบาวกรุ๊ประดับ World Class

เกิดจากรากฐานที่มั่นคง

เสถียรกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงปีที่ผ่านมาว่า คาราบาวกรุ๊ป สามารถฝ่าวิกฤติโควิด-19 เพราะเกิดจากการวางรากฐานทางธุรกิจที่ดีมานานหลายปี ทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ได้วางรากฐานให้บริษัทสามารถเติบโตจนเป็นที่หนึ่งในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา, สปป.ลาว, เวียดนาม และ เมียนมา)

ปี 2563 คาราบาวกรุ๊ป ทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังแบรนด์ คาราบาวแดงในประเทศกัมพูชานั้น สามารถทำยอดขายได้ถึงจำนวน 700 ล้านกระป๋อง หรือเป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท สำหรับในเมียนมา เฉพาะปี 2563 เติบโตกว่าเท่าตัว โดยมียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาท เหลือเพียงในเวียดนามที่ในปีที่แล้วสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก จึงทำให้อาจมีสะดุดไปบ้าง อย่างไรก็ตาม เสถียรกล่าวว่า คาราบาวกรุ๊ป สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คือการเป็น World Class Product และ World Class Brand ตามวิสัยทัศน์ สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก

นอกจากกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีแล้ว สินค้าของคาราบาวกรุ๊ป ยังทำตลาดในประเทศจีน ยุโรป ตะวันออกกลาง และ สหรัฐอเมริกา โดยจะเห็นได้ว่า บริษัทสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในทุกภูมิภาคของโลก อีกทั้งมียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายทั่วโลกมากกว่ายอดขายในประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60 : 40 ตอกย้ำถึงความเป็น World Class Product เพราะสินค้าของคาราบาวกรุ๊ป ได้รับการยอมรับในระดับโลก และทำให้สามารถก้าวขึ้นสู่ World Class Brand ได้ในที่สุด

ส่วนการทำธุรกิจในประเทศนั้น เนื่องจากคาราบาวกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 10 ปี (ก่อตั้งบริษัทในปี 2544) ทำให้มีเครือข่ายและช่องทางในการจัดจำหน่าย หรือกลไกในการบริหารที่ค่อนข้างแข็งแรง โดยมีผู้ดูแลระบบการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) และทางแพลตฟอร์มออนไลน์ในทุกช่องทาง โดยเฉพาะมากกว่า 1,500 คนทั่วประเทศ จึงทำให้ในอนาคตบริษัทพร้อมที่จะเพิ่มสินค้าเข้าพอร์ต ด้วยออกผลิตภัณฑ์ใหม่นอกเหนือจากเครื่องดื่มบำรุงกำลัง

 ในปัจจุบัน คาราบาวกรุ๊ป ได้จับมือกับ วุฒิธร มิลินทจินดา หรือ วู้ดดี้ พิธีกรแถวหน้าของประเทศไทย ในการเปิดบริษัท A Woody Drink จำกัด เพื่อผลิตสินค้าและเครื่องดื่มสุขภาพภายได้แบรนด์ Woody C+ Lock ซึ่งถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% และคาดว่าจะขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มอีกสองผลิตภัณฑ์จาก Woody C+ Lock รวมถึงขยายผลิตภัณฑ์จากคาราบาวกรุ๊ปด้วย

 

เครือข่ายการจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง

ครอบคลุม 70 จังหวัดทั่วประเทศ

เสถียร กล่าวว่า เมื่อมีการขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ ต้องมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ดี โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมา คาราบาวกรุ๊ป ได้มีการวางรากฐานในการสร้างเครือข่ายในร้านค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 1.8 แสนร้านค้า ครอบคลุม 70 จังหวัด โดยมีการเยี่ยมเยียนตัวแทนจำหน่ายเป็นประจำทุกเดือน เพราะร้านค้าปลีกจะเป็นช่องทางสำคัญในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ได้เร็วที่สุด ในช่วงทดลองผลิตภัณฑ์ ร้านค้าปลีกสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ไปทดลองขายได้ โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าจำนวนมากเหมือนพ่อค้าคนกลาง

 สำหรับการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ คาราบาวกรุ๊ป เริ่มให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้คาราบาวกรุ๊ป รวมถึง Woody C+ Lock ได้มีการจัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศไทย จึงเรียกได้ว่าในปัจจุบันบริษัทมีช่องทาง การจัดจำหน่ายทุกช่องทางในการส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค

 

ปักธง จีน-เวียดนาม

สานเป้าอันดับ 1 ในเอเชีย

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตนั้น เสถียรกล่าวว่า คาราวบาวกรุ๊ปต้องการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยตั้งเป้ามุ่งสู่อันดับ 1 แบรนด์เครื่องดื่มบำรุงกำลังในเอเชีย โดยเฉพาะตลาดเวียดนาม เพราะถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก อีกทั้งตลาดในจีนที่คาราบาวกรุ๊ป ได้เริ่มลงทุนไปแล้ว โดยมองว่าจีนเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิดได้เร็ว คาดว่าตลาดในจีนจะเติบโตขึ้นมากกว่าที่ลงทุนไปอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว

เสถียร ยังเสริมถึงรูปแบบการทำธุรกิจในต่างประเทศที่วางแผนไว้นั้น ต้องแยกออกเป็นแต่ละภูมิภาค กลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนนั้น เป็นกลุ่มที่คุ้นชิน มีพื้นฐานของการบริโภคใกล้เคียงกับคนไทย อีกทั้งกลุ่มประเทศในอาเซียนนั้น มีพื้นฐานหรือรู้จักผลิตภัณฑ์ของคาราบาวกรุ๊ปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น การหาพันธมิตรทางธุรกิจ การจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายให้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดจะไม่ยากมากนัก

ส่วนในภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่อย่างจีนนั้น ไม่สามารถจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายได้ในลักษณะเดียวกับกลุ่มประเทศในอาเซียน เนื่องจากไม่สามารถหาตัวแทนที่มีขีดความสามารถในการกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทั้งประเทศ ดังนั้น ช่องทางที่จะจัดจำหน่ายได้ครอบคลุมต้องพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในจีนที่ประชากรมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว

สำหรับในปี 2564 ตั้งเป้ายอดขายในจีนไว้ที่ 300 ล้านกระป๋อง หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาราบาวกรุ๊ป ได้ร่วมทุนกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในจีน เพื่อจัดตั้งบริษัทบริหารงานในจีนโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับในยุโรปที่มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเช่นกัน แต่ในยุโรปนั้น การทำตลาดจะเป็นไปในลักษณะสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง คือ เป็นสปอนเซอร์ให้กับการจัดการแข่งขันฟุตบอลในยุโรป ทำให้แบรนด์คาราบาวแดง เป็นที่รู้จักและมีตัวตนเป็นวงกว้างมากขึ้น

ในปัจจุบันมีบริษัทจากสหรัฐอเมริกา เข้ามาติดต่อธุรกิจกับคาราบาวกรุ๊ป โดยระบุว่า รู้จักคาราบาวกรุ๊ป จากการเป็นสปอนเซอร์ในลีกฟุตบอล ดังนั้น ในเชิงการตลาดนั้นนับว่าประสบความสำเร็จมากเพราะสามารถต่อยอดไปถึงการทำธุรกิจในระดับโลกได้กว้างขึ้น

ท้ายที่สุดเสถียรได้เผยมุมมองการพัฒนาองค์กรให้เติบโตและเข้มแข็งขึ้นว่าจะเน้นรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในองค์กร เนื่องจากคาราบาวกรุ๊ปดำเนินธุรกิจมาร่วม 20 ปี จำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อมาสืบทอดภารกิจในการผลักดันให้องค์กรเติบโตไปข้างหน้า อีกทั้งคนรุ่นใหม่ยังมีวิสัยทัศที่เข้าใจในบริบทของการทำธุรกิจสมัยใหม่ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เพราะคิดว่าในอนาคตต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับทุกด้านในองค์กรเพิ่มมากขึ้น ทั้งการผลิต การบริหาร หรือแม้กระทั่งการตลาด

คาราบาวกรุ๊ป
สามารถฝ่าวิกฤติโควิดมาได้
เพราะมีการวางรากฐานที่ดี
มานานหลายปี ทั้งธุรกิจ
ในประเทศและต่างประเทศ
โดยเฉพาะในต่างประเทศที่สามารถ
เติบโตจนเป็นที่หนึ่งในกลุ่มซีแอลเอ็มวี
ทำให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ตามวิสัยทัศน์
สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก


รับชมวิดีโอสัมภาษณ์...