AWARDS • MONEY & BANKING AWARDS

รางวัลเกียรติยศบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2565 Best Securities Company Of the Year 2022 บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

บทความโดย:

รางวัลเกียรติยศบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2565

Best Securities Company Of the Year 2022

 

ธิติ ตันติกุลานันท์

ประธานกรรมการบริหาร

บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

 

“บล.กสิกรไทยเชื่อว่าทุกอย่างที่เรามีนั้นดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องพัฒนาต่อไปโดยไม่ละเลยจุดเล็กๆ น้อยๆทั้งการให้บริการ ความสะดวกรวดเร็วรวมถึงปัญหาที่ลูกค้าสะท้อนเข้ามา ถือว่ามีประโยชน์ทั้งเพื่อการต่อยอดและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า รวมทั้งการปรับปรุง และแก้ไขอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่า บล.กสิกรไทยหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2565 Best Securities Company Of the Year 2022 จาก วารสารการเงินธนาคาร ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ได้รับรางวัลดังกล่าว

ธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลว่า นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจให้แก่ทีมงานทุกคน ขอขอบคุณ วารสารการเงินธนาคาร ที่มอบรางวัลนี้ให้บริษัท เนื่องจากเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานของทีมงาน

 

ตั้งใจทำงาน ตีโจทย์ลูกค้าให้แตก

นำมาสู่บริการที่โดนใจ

สำหรับปัจจัยแห่งความสำเร็จของ บล.กสิกรไทย ธิติกล่าวว่า เกิดจากความตั้งใจในการทำผลงานเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยต้องมองโจทย์ให้ออกในสิ่งที่นักลงทุนต้องการ และลงมือทำสิ่งเหล่านั้นทันที เห็นได้จากผลงานที่ บล.กสิกรไทย ทยอยจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวกับการลงทุนเพื่อส่งถึงมือนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ หรือรีเสิร์ช การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในรูปแบบอินโฟกราฟฟิก (Infographic) โดยกระจายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สามารถทำให้นักลงทุนนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อประกอบการลงทุนได้ง่ายมากขึ้นรวมถึงการนำเสนอข้อมูลผ่านช่องทาง Facebook และ Youtube โดยมีการจัดรายการที่มอบความรู้ให้กับลูกค้าในแต่ละวัน ได้แก่ รายการ KS Forward ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.50-10.00 น. มียอดผู้เข้าชม 3-4 แสนคนต่อเดือน และรายการ KS Tactical ที่จัดวันเสาร์เว้นเสาร์ เวลา 12.15 น. มียอดผู้เข้าชม 3-4 หมื่นต่อเดือน

รวมไปถึงการจัดทำแอปพลิเคชั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ที่สามารถเข้ามาช่วยส่งข้อมูลไปยังลูกค้าได้โดยตรง โดยเป็นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์จำนวน 17 คน และนักกลยุทธ์การลงทุน 4 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน บล.กสิกรไทย มีทีมงานนักวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ ครอบคลุมหุ้นที่วิเคราะห์จำนวนถึง 170 ตัว ซึ่งมากที่สุดในอุตสาหกรรม ปัจจุบัน เทรนด์การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า ลูกค้ามาเปิดบัญชีหลักทรัพย์ใหม่ที่บริษัทค่อนข้างมากขึ้นซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจในการช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ดีขึ้น นอกเหนือจากการซื้อ-ขาย หุ้นทั่วๆ ไป เพราะ บล.กสิกรไทยมั่นใจว่า การซื้อ-ขายของบริษัทมีประสิทธิภาพมากพออยู่แล้ว ทั้งปัจจัยพื้นฐานการให้ข้อมูล การบริการ เมื่อเปรียบเทียบกับ บล.อื่นในอุตสาหกรรม

“บล.กสิกรไทย เชื่อว่าทุกอย่างที่เรามีนั้นดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องพัฒนาต่อไปโดยไม่ละเลยจุดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งเรื่องการให้บริการ ความสะดวกรวดเร็ว หรือปัญหาที่ลูกค้าสะท้อนเข้ามา ถือว่ามีประโยชน์ทั้งเพื่อการต่อยอดและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า รวมทั้งเพื่อการปรับปรุง และแก้ไขอยู่เสมอเพื่อให้ลูกค้าเห็นว่า บล.กสิกรไทย หมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”

 

เดินหน้าพัฒนาแอปพลิเคชั่น

เสริฟข้อมูลการลงทุน

บล.กสิกรไทย มีแผนเปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ที่ต่อยอดมาจาก KS Super Stock App ที่ออกมาเมื่อปี 2560 และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี และเวลานี้ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมในการพัฒนาสิ่งใหม่เพื่อมอบให้แก่ลูกค้า โดยจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ ภายใต้ชื่อ KS One App ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่น การซื้อ-ขายกองทุนรวม หุ้นต่างประเทศ อีกทั้งมีฟังก์ชั่นภายในแอปฯ ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยจะมีนักกลยุทธ์ของ บล.กสิกรไทย อัปเดตข้อมูลทุกวัน หรือหากมีสถานการณ์ที่น่าสนใจ จะมีการมอนิเตอร์ราคาหุ้นให้ลูกค้าอีกด้วย

KS One App จะเป็นบริการที่เข้ามาเติมเต็มจุดแข็งให้กับ บล.กสิกรไทย จากการนำแอปฯ ไปพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่ลูกค้าชอบในแอปฯเดิม และเพิ่มเติมข้อมูลอื่นๆ เพื่อเป็นการสื่อสารกับลูกค้าได้ตลอดทั้งวัน โดยคาดว่า KS One App ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งแอปฯ จะออกสู่ท้องตลาดเต็มรูปแบบในช่วงต้นไตรมาส 3 ปี 2565”

ปัจจุบัน บล.กสิกรไทย มีผลิตภัณฑ์และบริการดังนี้ บริการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กองทุนรวม การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ บริการซื้อขายตราสารหนี้ บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงระยะสั้น บริการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ

 

ทิศทางเศรษฐกิจโลก

และไทยครึ่งปีหลัง 2565

บล.กสิกรไทย มีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกปี 2565 โดยคาดว่าจะเติบโตราว 3% อิงจากประเทศหลักอย่างสหรัฐฯ แม้การจ้างงานยังแข็งแกร่ง แต่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อีกทั้งคาดว่าจะกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่คาดจะเห็นจุดสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 /2565 แต่จะยืนระดับสูง

ทางฝั่งยุโรปกลุ่มเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากที่สุด จากปัญหาเรื่องหนี้ของประเทศที่อ่อนแอและการพึ่งพาพลังงานของรัสเซีย ส่วนประเทศฝั่งเอเชีย ภาพมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นแม้ประเทศญี่ปุ่นที่ล่าสุดตัวเลขโควิด-19 ที่เร่งตัวสูงและการเลื่อนเปิดประเทศยังคงกดดัน แต่ค่าเงินเยนที่อ่อนค่า (-15% YTD)จะช่วยสนับสนุนภาคส่งออกและการท่องเที่ยวในอนาคต รวมถึงจีนระยะสั้นจะปัจจัยฉุดรั้งจากโควิดที่ระบาด ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์แต่มองว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปในไตรมาส 2/2565 และค่อยๆฟื้นตัวหลังกลับมาเปิดเมือง คาดจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในปี 2566

สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย บล.กสิกรไทย คาดว่าปี 2565 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโต 2.9% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการท่องเที่ยว สำหรับปี 2565 นี้ คาดว่ามีจำนวน 7 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากฝั่งตะวันออกกลาง อินเดีย และยุโรป โดยประมาณการยังไม่มีนักท่องเที่ยวจีน และปี 2566 คาดว่ามีจำนวนนักท้องเที่ยว 23 ล้านคน รวมถึงกำลังซื้อในประเทศที่ได้อานิสงส์จากกำลังซื้อในประเทศที่ค่อยๆ ฟื้นตัวและอุปสงค์จากนักท่องเที่ยว และการเปิดเมือง เปิดกิจกรรมเศรษฐกิจรวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าช่วยภาพรวมการส่งออกต่อในปี 2565ด้านความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คือ เงินเฟ้อที่สูงอาจจะทำให้การใช้จ่ายในส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือยได้รับผลกระทบ รวมถึงการนำเข้าพลังงานที่แพง ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 เติบโต 3.9% จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าไปใกล้เคียงระดับก่อนเกิดโควิด

 

มุมมองหุ้นโลก ไตรมาส 4/65 ฟื้น

เป้าหุ้นไทยสิ้นปีนี้ 1,650 จุด

แนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลัง บล.กสิกรไทย ประเมินว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3/2565 ก่อนปรับขึ้นเด่นในช่วงไตรมาส 4/2565 โดยประเมินจากปัจจัยแวดล้อมในช่วงไตรมาส 3/2565 ทั้งการเติบโตเศรษฐกิจดังกล่าว และปัจจัยต่างๆ ที่เคยกดดันหุ้นในช่วงครึ่งปีแรก เริ่มคลี่คลายและเห็นหลายสินทรัพย์ได้ผ่านจุดสุดสูง (Peak) ไปแล้วดังนี้

        1. อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) คาดว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ในไตรมาส 3 หลังความเสี่ยงและความกลัวเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดที่ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร หรือ Earning Yield Gap เพิ่มมากขึ้น

        2. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาพลังงานปรับตัวลงจากจุดสูงสุดไม่ต่ำกว่า 30% ลดแรงกดดันเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตทั่วโลก

        3. เชื่อว่าความกังวลของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเป็นลักษณะ Technical Recession ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจสหรัฐฯในวงจำกัด เนื่องจากปัจจุบันภาคการจ้างงานและอสังหาริมทรัพย์อยู่ในจุดที่ดีมาก และเป็นสิ่งที่ไม่ได้เหนือความคาดหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ตั้งใจจะกดเงินเฟ้อ เพื่อประคองเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งประธานเฟดล่าสุดแถลงในลักษณะเดียวกัน

 โดยหากเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจะเป็นจุดกลับตัวของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) เข้ามายังตลาดหุ้นอีกครั้ง และสำหรับค่าเงินบาทประเมินแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 36.75 บาท บล.กสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทสิ้นปีนี้อยู่ที่ 35.00 บาท ซึ่งคาดว่าจะกลับมาแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่มากขึ้นจากรายได้นักท่องเที่ยวและการขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในส่วนของตลาดหุ้นไทย บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีเป้าหมาย SET Index ปี 2565 ไว้ที่ 1,650 จุด (คำนวณด้วย EPS ปี 2566 ที่ 107.09 บาท และ EYG ที่ 3.47% (หรือ -0.875SD) โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทยประเมินอาจจะเห็นการปรับขึ้นเป็น Mini bear rallyในระยะสั้น แต่หุ้นไทยมี Upside ในการปรับขึ้นที่จำกัด และประเมินความเสี่ยงที่จะทำให้ SET Index ปรับฐานขึ้นกับว่าจะปัจจัยเสี่ยงใหม่ อาทิ สงครามยูเครนรัสเซีย-ยูเครนตึงเครียดเพิ่มขึ้น วิกฤติก๊าซในยุโรป อัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวสูงและไม่ปรับลงตามที่คาด ฯลฯ

โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำลงทุนแนะนำทยอยสะสม ในกลุ่ม Anti-commodity แนะนำ BGRIM, GPSC, GULF และ PTG กลุ่ม Tech consults อาทิ BE8,BBIK, IIG และกลุ่มการเงิน หุ้นแนะนำ TIDLOR, MTC