13 มีนาคมคือจุดต่ำสุดของ SET รอบนี้เเล้วหรือยัง (ตอนจบ)
หลังจากโลกเกิด Liquidity Crisis หรือปัญหาสภาพคล่อง ธนาคารกลางทั่วโลกจัดการปัญหานี้ด้วย Stimulus Package หรือเเพ็กเกจการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะ FED หรือ ธนาคารกลางสหรัฐที่ทำคิวอีครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการ
เรียกได้ว่า ทั้งกดต้นทุนดอกเบี้ยให้ต่ำด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลทุกช่วงอายุ - พิมพ์เงินดอลลาร์เข้าระบบด้วยการทำ QE – การช่วยเหลือสภาพคล่องของดอลลาร์กับให้กับธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกด้วยสิ่งที่เรียกว่า Swap Line - การตั้งโต๊ะรับซื้อพันธบัตรสหรัฐฯสำหรับประเทศที่ต้องการดอลลาร์เพิ่มเติมด้วยโครงการ FIMA Repo – เเละที่เป็นประเด็นมากที่สุดคือ การเข้าไปอุ้มหนี้กิจการของการเอกชนหรือการเข้าไปซื้อ Corporate Bonds ที่สะท้อนว่า FED จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะอุ้มตลาดไว้
เมื่อเชื้อโรคที่เข้ามาทำลายเศรษฐกิจมันเเรง ธนาคารกลางทั่วโลกเลยจัดยาฆ่าเชื้อที่เเรงที่สุดที่ครอบคลุมทุกโรคไว้ก่อน
เงินที่ถูกพิมพ์ขึ้นมาในปริมาณมหาศาลในช่วงที่ผ่านมาได้ดันให้เกิด Sentiment เชิงบวก เเละดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้กลับมาเกือบจะที่เดิมในเดือนกุมภาพันธ์ จึงเป็นที่รู้กันว่า ตอนนี้ตลาดถูก Drive ด้วยสภาพคล่องเเละนโยบายการเงินจากธนาคารกลางเป็นหลัก
ผมเชื่อว่า โลกเราได้เรียนรู้อะไรมากมายจาก Wave เเรกของ Covid-19 เเละเราได้เเก้ปัญหาด้วยปริมาณยาที่เหมือนจะเกินขนาดด้วยซ้ำไป
เเต่ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในปัญหาในเฟสที่สองคือเรื่อง
Solvency หรือความสามารถในการชำระหนี้เเทน
ปัญหาดอลลาร์ตึงตัวได้รับการเเก้ไขเเล้ว Liquidity Crisis ได้ถูกเเก้ไขเบื้องต้นไปเเล้ว
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินออกมาจากเเท่นพิมพ์ได้
เเต่ไม่สามารถพิมพ์งานให้คนที่ตกงานเเล้วได้
เศรษฐกิจจะกลับมาโตเเบบยั่งยืนคนต้องมีงานทำ-ตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้อย่างยั่งยืนบริษัทต้องกลับมามีกำไร
สุดท้ายทุกอย่างจะกลับมาที่เรื่องของ Fundamental
เพราะฉะนั้น ตลาดจะกลับมา New Low หรือไม่นั้น ขึ้นอยุ่กับความสามารถในการเเก้ปัญหาเรื่อง Solvency หรือการชำระหนี้ทั้งในส่วนรายบุคคล จนไปถึงระดับบริษัทจดทะเบียน
เมื่อรายจ่ายของอีกคนเป็นรายได้ของอีกคน เศรษฐกิจจะหมุนไปเพราะการใช้จ่ายทียั่งยืน เเต่คนทั่วไปจะใช้จ่ายได้อย่างมั่นใจ ที่มาของรายได้ต้องมั่นคงเเละเเน่นอน
วันนี้เราเลยสู้กับเวลา
FED
กำลังอัดสภาพคล่องเพื่อซื้อเวลา
เอาสภาพคล่องไปยันไปก่อนเพื่อรอเวลาที่การจ้างงานจะกลับมาดี
รอเวลาที่เศรษฐกิจจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
รอกำไรบริษัทจดทะเบียนเริ่มส่งสัญญานว่าได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปเเล้ว
ตลาดหุ้นเล่นกับ
Expectation
ครับ ขอเเค่เห็นเเสงสว่างที่ปลายอุงโมงค์ ตลาดหุ้นจะตอบรับไวมาก
ส่วนตัวผมเองโน้มเอียงไปทางตลาดหุ้นไม่ทำ New Low ครับ เพราะเราจะผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดในเชิง Sentiment ของ Covid ไปเเล้ว (ต่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเเต่ตลาด Price in ไปเเล้วค่อนข้างมาก) อย่างไรก็ดีใน Q3 นี้ผมมองตลาดน่าจะมีการ Correction เเรงๆ อีกครั้งเพื่อปรับสมดุลย์ระหว่างเม็ดเงินส่วนเกินกับพื้นฐานกิจการของบริษัทจริงๆ
ขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ