ทางออกเรื่องเงินทุนของ SMEs ควรเลือกอะไรดี 'สินเชื่อเพื่อธุรกิจ' หรือ 'หุ้นกู้ Crowdfunding'
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ SMEs ใจสู้ทั้งหลาย
พยามยามทำทุกวิถีทางเพื่อจะพยุงธุรกิจ มองหาเงินทุนเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด
ทางออกที่เป็นไปได้ก็คือการเพิ่มทุนจะด้วยการกู้เงินจากแหล่งสินเชื่อต่าง ๆ
เช่นสินเชื่อบ้านแลกเงิน บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ฯลฯ
ตัวอย่างที่ยกมาอาจเหมาะกับธุรกิจที่ต่างกัน แต่ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำธุรกิจมามากกว่า
1 ปีขึ้นไป ไซส์ธุรกิจขนาดกลาง ต้องการเงินทุนสำหรับต่อยอดธุรกิจ การใช้ 'สินเชื่อเพื่อธุรกิจ' และ
การออก'หุ้นกู้
Crowdfunding' ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
คำถามคือ ระหว่าง 'สินเชื่อเพื่อธุรกิจ' และ
'หุ้นกู้
Crowdfunding'อะไรน่าสนใจกว่ากัน?
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
สินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนไม่เกิน
200 ล้านบาท หรือตามจำนวนที่กระทรวงกำหนด โดยมีสถาบันทางการเงินเป็นผู้ปล่อยกู้
เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่เปิดกิจการมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี
โดยมีข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทธุรกิจที่สามารถขอกู้สินเชื่อ ได้แก่
กิจการอุตสาหกรรม, กิจการค้าปลีก-ค้าส่ง, กิจการการบริการ
และ กิจการอื่น ๆ ตามจำนวนที่กระทรวงกำหนด เช่น
ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมตามหลักเกณฑ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
มีทั้งแบบที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ใช้ได้ทั้งเงินฝาก พันบัตร บ้าน หรือ ที่ดิน
ซึ่งจะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
แต่สินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันก็ยังต้องหาผู้ค้ำประกันอยู่ดี
ข้อดีของสินเชื่อลักษณะนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการได้วงเงินกู้ที่สูงและระยะเวลาผ่อนชำระยาว
(ในกรณีที่ขอสินเชื่อแบบทีหลักทรัพย์ค้ำประกัน)
แต่ต้องแลกด้วยระยะเวลาการพิจารณาอนุมัตที่กำหนดแน่ชัดไม่ได้
และอัตราดอกเบี้ยและวงเงินที่ได้ยังขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ค้ำประกันและความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจ
โดยธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อจะเป็นคนกำหนดอัตราดอกเบี้ย
การออกหุ้นกู้ Crowdfunding
เดิมการออกหุ้นกู้นั้นเป็นที่นิยมในกลุ่มบริษัทใหญ่
ๆ ที่ต้องการระดมทุนมาขยาย ต่อยอดธุรกิจ เฉพาะในปี 2564 นี้
มีบริษัทธุรกิจกระโดดเข้ามาออกหุ้นกู้สูงกว่า 8-8.5 แสนล้านบาทแล้ว
แต่ด้วยเทคโนโลยีการเงิน ทำให้ปัจจุบัน SMEs สามารถออกหุ้นกู้ผ่านแพลทฟอร์ม
Crowdfunding ได้
การออกหุ้นกู้จึงไม่จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มบริษัทใหญ่ ๆ อีกต่อไป
ข้อแตกต่างที่เห็นชัดเจนของหุ้นกู้ Crowdfunding หรือจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ประกอบการ
SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและเร็วกว่าคือ
ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เหมือนการขอสินเชื่อจากสถานบันการเงิน
แค่ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินก่อนประกาศขายภายใต้การประเมินความเสี่ยงและจัดระดับความเสี่ยงของ
Crowdfunding Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
ก.ล.ต. ก่อน
และยังไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหากมีการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่จำกัดประเภทธุรกิจ
แหล่งเงินทุนของหุ้นกู้มาจากการระดมทุนผ่านนักลงทุนหลายราย
ดังนั้นระยะเวลาการระดมทุนไปจนถึงรับเงินเพื่อดำเนินธุรกิจต่ออยู่ที่ 14
วัน ตามที่ Crowdfunding
Portal กำหนด จุดที่ต้องนำไปพิจารณาชั่งน้ำหนักคือ
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับผู้ลงทุนอาจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าการกู้เงินจากธนาคาร
โดยอัตราดอกเบี้ยยังขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้ออกหุ้นกู้
ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดโดยบริษัทผู้บริการ คราวฟันดิง
โดยผู้ออกหุ้นกู้ต้องชำระค่าธรรมเนียมบริหารบัญชีให้ Crowdfunding Portal และชำระดอกเบี้ยให้นักลงทุน
อย่างไรก็ดี การหาแหล่งเงินทุนเพิ่ม
ไม่ว่าจะด้วย "สินเชื่อเพื่อธุรกิจ" หรือ "หุ้นกู้ Crowdfunding" ก็มีข้อแตกต่างที่ผู้ประกอบการ
SMEs ต้องพิจารณาให้ดี
เลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจ ประเมินระยะเวลาในการชำระดอกเบี้ยเพื่อประเมินความสามารถในการชำระคืน
ผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
"หุ้นกู้ Crowdfunding"
เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุน
สามารถดูข้อมูลและลงทะเบียนได้ที่ https://www.investree.co.th/