THE GURU • INVESTMENT

ญี่ปุ่นเปิดประเทศทั้งที แค่เที่ยวคงไม่พอ ต้องคว้าโอกาสลงทุนให้ทัน

บทความโดย: ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

            วันหยุดยาวเยอะช่วงเดือนตุลาคมแบบนี้ หน้าฟีดโซเซียลมีแต่คนโพสต์ ‘เที่ยวญี่ปุ่น’ กันคึกคักจริงๆ แถมติดแฮชแท็กด้วยว่า ‘ทริปแรกหลังโควิด’ กันทั้งนั้น คุณเห็นเหมือนผมไหมครับ

             นับว่ารัฐบาลญี่ปุ่นประสบความสำเร็จอย่างแรงกับการตัดสินใจเปิดประเทศ เต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเดินทางเที่ยวเองอย่างอิสระไม่จำเป็นต้องเดินทางกับบริษัททัวร์แล้ว

            ช่วงนี้ จึงเห็นนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ญี่ปุ่นเคยให้ Free Visa ในช่วงก่อน โควิด19 ต่างยกแก๊งค์ตะลุยดินแดน ซามูไรกันอีกครั้ง หลังจากอุดอู้อยู่ในประเทศ จากปัญหโควิด19 ต่อเนื่องยาวนานตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา

ภาคท่องเที่ยวญี่ปุนฟื้นคืนชีพ เพิ่มแรงส่งเศรษฐกิจเติบโตสูงในรอบ 12 ปี

            แน่นอนว่าการเปิดประเทศในครั้งนี้ จะช่วยให้มีเม็ดเงินจากต่างประเทศ ไหลทะลักเข้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมภาคท่องเที่ยวกำลังพลิกฟื้นคืนชีพกลับมา สร้างรายได้ครั้งใหญ่ในรอบหลายปี และยังส่งผลต่อการบริโภค ภายในประเทศ ขยายตัวมากขึ้นไปด้วย ล้วนเป็นแรงส่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ รวมไปถึงช่วยพยุงค่าเงินเยนด้วย หลังจากที่ผ่านมา เงินเยนได้ทรุดอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วไปทดสอบระดับ 151 เยนต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดกลับมาอยู่ในโซน 149.7 (ข้อมูล 24 ต.ค. 2565) อ่อนค่าต่ำสุดในรอบกว่า 32 ปี จากผลพวงของการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงอยู่ยามนี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กดดันเงินสกุลหลักๆ ของโลก ณ ขณะนี้

            อย่างไรก็ตาม จากภาวะค่าเงินเยนที่ปรับตัวผันผวนรุนแรง เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ออกมายืนยันว่าเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนมากเกินไป

            ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารญี่ปุ่นได้ออกมาแทรกแซงค่าเงินเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 แต่สถานการณ์ของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกับประเทศอย่างเวเนซุเอลาหรืออาร์เจนตินา เนื่องจากญี่ปุ่นมีสถานะการเงินการคลัง ที่แข็งแกร่งกว่ามาก การเปิดประเทศของญี่ปุ่นในครั้งนี้เป็นข่าวที่ดีมากทีเดียว 

            นอกจากภาคท่องเที่ยวที่กำลังกลับมาเติบโตแล้ว ยังมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอีกหลายตัวที่มีการขยายตัวดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภายในประเทศ และการส่งออกช่วยดันให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวแรง

            ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณามาตรการแจกเงิน 50,000 เยนต่อครัวเรือนสำหรับผู้มีรายได้ต่ำ เพื่อกระตุ้นการบริโภคต่อเนื่องและแก้ปัญหาเรื่องราคาสินค้าที่สูงขึ้น ส่วนปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 ในญี่ปุ่นเริ่มลดลง อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ญี่ปุ่นไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้น เพื่อให้ประชาชนทำกิจกรรมทาง เศรษฐกิจต่อไปได้

            ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นถือว่าเหนือความคาดหมายทีเดียว หลังจากที่ไตรมาสแรก อัตราการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไตรมาสแรกปี 2565 หดตัว 0.5% ส่วนไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา พลิกกลับมาขยายตัวได้ 2.2% ถือว่า ไตรมาส 2 GDP ขยายตัวถึง 3.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% หมายความว่า ปีนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ และตอกย้ำว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลุดพ้นจาก‘ทศวรรษที่สาบสูญ’ หรือ The Lost Decade ที่เศรษฐกิจไม่โต เงินฝืดไปได้นานแล้ว

            ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ GDP ญี่ปุ่น ปี 2565 เติบโต 2.4% สูงสุดในรอบ 12 ปี ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ GDP ปีนี้เติบโต 2% และปี 2566 เติบโต 1.1%

             พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นกำลังกรุยทางสู่การเติบโตในระยะยาว โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเดินหน้าเร่งลงทุนในธุรกิจ ดิจิทัลและพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจของ ญี่ปุ่นมีทั้งเติบโตจากภายในประเทศและจากการออกไปลงทุนในต่างประเทศ จึงทำให้มีบริษัทญี่ปุ่นกระจายอยู่ทั่วโลก จำนวนมาก ที่สำคัญบริษัทต่างๆ ล้วนได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างดี

            และทำให้ปีนี้เป็นปีที่ญี่ปุ่นกลับมาเป็นประเทศเนื้อหอมที่น่าสนใจลงทุนมาก โดยเฉพาะบริษัทจัดการลงทุน ชื่อดังทั่วโลกหลายสถาบัน อย่าง Black Rock ที่ได้เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นอยู่ในกลุ่มตลาดหุ้น ที่พัฒนาแล้ว (Developed market) เพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป และมองเห็นว่า ‘ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเติบโต มากกว่าที่คิด’ หลังจากที่ผ่านมา ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถูกมองข้ามมานาน จากภาพจำเก่าๆ นั่นเอง แต่วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเหลียว กลับมามองและคว้าโอกาสลงทุนหุ้นญี่ปุ่นกันได้แล้ว ซึ่งยังมี ‘หุ้นคุณภาพดี ราคาถูก’ จำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ คุณจะเห็นว่าหลายบริษัทสามารถทำกำไรเติบโตได้ในระดับสูง ขณะที่ราคาหุ้นกลับยังไม่สูงมากนัก

            คุณรู้หรือไม่ว่า แม้แต่นักลงทุนรุ่นเก๋าของโลกอย่างปู่ Warren Buffett ยังย่องเข้ามาลงทุนในบริษัท ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นถึง 5 แห่งอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ปี 2563 จนอิ่มหนำสำราญกับกำไรก้อนโตไปแล้ว

             ต้องยอมรับว่า บริษัทญี่ปุ่นมีศักยภาพสูงในการออกไปลงทุนตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศจำนวนมาก ใช้ทรัพยากรของประเทศอื่นผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อสร้างกำไรและส่งกลับไปญี่ปุ่น ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจาก โควิด19 บริษัทญี่ปุ่นจึงได้ประโยชน์เต็มที่ ในแง่นักลงทุนจึงต้องรีบตักตวง และเข้าไปเก็บหุ้นกันได้แล้ว

ส่องหุ้นญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมอนาคตไกลที่น่าลงทุน

            แล้วในญี่ปุ่นมีตัวเลือกอะไรให้ลงทุนบ้าง ผมขอเล่าอุตสาหกรรมหลักๆ 3-4 อุตสาหกรรมที่มีอนาคตสดใส

            หนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของญี่ปุ่นที่คุณน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีและเป็นเมกะเทรนด์ด้วย นั่นคือ ‘อุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ต’ ที่ญี่ปุ่นใช้เป็น ‘Soft Power’ ในการแผ่ขยายอิทธิพลกับประเทศอื่นๆ อย่างเงียบเชียบ กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณก็ติดเกมจากญี่ปุ่นงอมแงมจนถอนตัวไม่ขึ้นไปแล้ว แม้แต่คุณเองก็อาจเคยเล่นเกมที่ถูกผลิตจากค่าย เกมญี่ปุ่นก็เป็นได้

            ปัจจุบัน ตลาดวิดีโอเกมในญี่ปุ่นมีรายได้รวมสูงกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่เงินรางวัลจากการแข่งขันอีสปอร์ตในญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นและดึงดูดผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง

            ตลาดเกมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดเกมที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยมีมาร์เก็ตแชร์ติดอันดับ 3 ในตลาดเกม ทั่วโลก เรียกได้ว่าเกมเมอร์แทบทุกคนจะรู้จักกับบริษัทเกมญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมเกมในญี่ปุ่นยังมีส่วน ในความสำเร็จของตลาดเกมโลก

            จากการสำรวจพฤติกรรมเกมเมอร์ทั่วโลกของ Newzoo แสดงให้เห็นว่า ‘เกมมือถือ’ เป็นแพลตฟอร์มเกมที่ ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและมีผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากเกมมือถือในญี่ปุ่นเติบโตอย่างก้าวกระโดด

            แน่นอนว่า ญี่ปุ่นก็มองเห็นโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมเกม และเริ่มนำตัวละครต่างๆ ในเกมมาใช้ในการ โปรโมตสินค้าหรือชักชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากขึ้น คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุตสาหกรรม เกมญี่ปุ่นเป็น Soft power ที่สำคัญมากๆ ร่วมกับวัฒนธรรมอื่น เช่น การ์ตูน ภาพยนตร์ อาหาร หรือเครื่องแต่งกาย

            หุ้นเกมญี่ปุ่นดังๆ ที่ทั่วโลกรู้จักดี ได้แก่ Nintendo, Konami, CAPCOM, SQUARE ENIX, DeNA Co. เป็นต้น ซึ่งหากคุณสนใจอยากลงทุนในอุตสาหกรรมเกมญี่ปุ่น ทุกวันนี้ก็ทำได้ง่ายและสะดวกสบายมากในแบบที่คุณไม่ต้องไป ควานหาหุ้นเอง ด้วยการลงทุนผ่าน HERO ETF ที่เน้นลงทุนในบริษัทเกมชั้นนำทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการลงทุนบริษัทผู้ พัฒนาเกมในประเทศต่างๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 33.7% ญี่ปุ่น 23.1% เกาหลีใต้ 14.9% และ จีน 13.1% (ข้อมูล ณ 29 กันยายน 2565)

            อีกหนึ่งอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่โดดเด่นและยังไม่เป็นที่รับรู้มากนัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เนื่องด้วยญี่ปุ่น ติดโผประเทศที่มีประชากรอายุยืน 3 อันดับแรกของโลก ข้อมูลสถิติจากธนาคารโลกระบุว่า ชาวญี่ปุ่นมีอายุขัยเฉลี่ยถึง 84.6 ปี ทั้งจากภูมิปัญญาด้านอาหารการกินที่เป็นที่นิยมในหลายประเทศ ระบบรักษาพยาบาลที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยที่ได้รับการ ยอมรับทางการแพทย์ทั่วโลก รวมถึงการตรวจคัดกรองโรคบางชนิดในประเทศที่ให้บริการฟรีด้วย

            ขณะเดียวกัน คนญี่ปุ่นมีความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คนญี่ปุ่นมีการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตและ ประกันสุขภาพสูงถึง 90% ของครัวเรือนทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ในญี่ปุ่นไม่เคยหยุดพัฒนาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองอย่างมาก

            อีกหนึ่งอุตสาหกรรมหลัก คือ อุตสาหกรรมก่อสร้างของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างตึกรามบ้านช่อง โครงสร้าง พื้นฐานหรือการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ล้วนมีคุณภาพยอดเยี่ยมและมีนวัตกรรมการก่อสร้างแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ และยังสามารถ ก่อสร้างได้รวดเร็วปานจรวดและมีความแข็งแรงมีอายุใช้งานยาวนานด้วย สามารถทนทานต่อภัยธรรมชาติได้ ทุกคนรู้สึก อุ่นใจเมื่อรู้ว่าตึกนี้ถูกสร้างโดยคนญี่ปุ่น ซึ่งอุตสาหกรรมก่อสร้างในญี่ปุ่นมีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศมายาวนาน ตั้งแต่สมัยเมจิปี 2410 แล้ว

            สุดท้ายอีกอุตสาหกรมใหญ่ คือ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีต่างๆ ของประเทศ จำเป็นต้องพึ่งพาแร่ธรรมชาติจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่อยู่เสมอ ญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำในด้านการสำรวจ และค้นพบแร่ธาตุหายากใต้ทะเลลึกของมหาสมุทรแปซิฟิก ความยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น คือ การเป็นผู้ผลิตและส่งออกแร่ธาตุ หายากหลายชนิดของโลก ไม่ว่าจะเป็นแร่ไอโอดีนที่ใช้ผลิตยารักษาโรคหลากหลายชนิด แร่บิสมัทที่มีประโยชน์ ทั้งทางด้านการแพทย์ ความสวยและความงามรวมถึงแร่สารพัดประโยชน์อย่างกำมะถัน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหญ่ ทำให้ญี่ปุ่นสามารถขุดเจาะใต้ทะเลลึกเพื่อนำแร่ธาตุที่หายากขึ้นมาเป็นทรัพยากรประเทศได้อีกครั้ง ช่วยสร้างกำไรมหาศาล ให้กับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ จนสามารถขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศได้ ดังนั้น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ จึงมีความสำคัญ อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และการขุดเจาะสินแร่ได้ภายในประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นมีข้อได้เปรียบเหนือ ประเทศอื่นๆ ในบางอุตสาหกรรม

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ผมแนะนำตัวท็อปๆ ที่ติด 5 อันดับแรกใน Jitta Ranking-Japan ประกอบด้วย

            บริษัท BML อยู่อันดับ 3 ใน Jitta Ranking-Japan เป็นบริษัทเฮลทแคร์ที่มีธุรกิจโดดเด่น   บริษัท Chugai Pharmaceutical ติดอันดับ 4 ใน Jitta Ranking-Japan บริษัทเฮลท์แคร์ที่มีธุรกิจแข็งแกร่ง เป็นผู้ผลิตยาต้านเซลล์มะเร็งชั้นนำ ในญี่ปุ่น  บริษัท CTI Engineering อยู่อันดับ 7 ใน Jitta Ranking-Japan อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ถือเป็นบริษัทที่ปรึกษา ด้านวิศวกรรมรายใหญ่ในญี่ปุ่นและต่างประเทศ , บริษัท MITSUI-SOKO HOLDINGS อยู่อันดับ 8 ใน Jitta Ranking-Japan ทำธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ และบริษัท Sumitomo Metal Mining อยู่อันดับ 11 ใน Jitta Ranking-Japan เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกที่ทำธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ธุรกิจเหมืองแร่ครบวงจร และยังทำธุรกิจ จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์และให้บริการวิศวกรรมด้วย เป็นบริษัทที่มีธุรกิจอยู่ใน 2 อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ของประเทศญี่ปุ่นทีเดียว

            ขุมทรัพย์หุ้นดีที่ติดอันดับต้นๆ ในแผน Jitta Ranking-Japan ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ จัดว่าเป็นหุ้นที่มีศักยภาพเติบโต อยู่ตลอด จริงๆ ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมี ‘หุ้นดี ราคาถูก’ อีกมากที่เป็น ‘แรร์ไอเทม’ หากคุณอยากได้ข้อมูลการลงทุนดีๆ มากกว่านี้สามารถเข้าไปดูใน Jitta Wealth ได้นะครับ

            ผมอยากย้ำว่า เวลานี้เป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องคว้าการลงทุนดีๆ ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพื่อให้พอร์ตของคุณเติบโตในอนาคต

เกี่ยวกับนักเขียน

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด นักลงทุนแนวเน้นคุณค่า และผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัป Wealth Tech สัญชาติไทย เป็นรายแรกที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน