THE GURU • FINTECH&STARTUP

Crowdfunding คราวด์ฟันดิง #9 Business Model เข้าใจง่ายๆใน 5 นาที

บทความโดย: ทศรรห์ บุรีชนะ

การสร้าง Business Model ไม่ว่าธุรกิจต่างๆ ที่จะทำการสรุปให้อ่านได้เข้าใจใน 5 นาที เพราะไม่ว่าธุรกิจแบบใด จะมี โมเดลรายได้ทางธุรกิจหลัก แบ่งออกได้สองประเภท คือ 

1) ลูกค้าเป็นคนจ่ายเงินให้บริษัท 

2) ผู้โฆษณาเป็นคนจ่ายเงินให้บริษัท


1) Business model ที่ลูกค้าเป็นคนจ่ายเงิน 

โมเดลที่ดีคือต้องลูกค้าจ่ายเงินในการซื้อสินค้า หรือบริการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ เพราะหากเป็นการทำผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าซื้อใช้ได้ไม่บ่อย หรือซื้อครั้งเดียว เช่นทำโซฟา เครื่องเป่าผม ผลิตภัณฑ์พวกนี้ จะต้องทำหาลุกค้าใหม่เรื่อยๆ และจะมีคนคอยเลียนแบบในเวลาที่สั้นกว่าที่เราคิดค้นมากนัก ในมุมมองนักลงทุนจะไม่ค่อยชอบบริษัทที่ผลิตของแบบที่ลูกค้าซื้อครั้งเดียวแล้วหายไปนานๆ ดังนั้นมาดูวิธีคิดเงินจากลูกค้าที่นิยมกัน และเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุน 4 แบบคือ

  • ระบบสมาชิก (Subscription) แบบรายเดือน หรือรายปี ระบบนี้จะทำให้บริษัทได้รับรายได้ที่สม่ำเสมอ ในส่วนลูกค้าจะมีต้นทุนต่ำ ทำให้เหมือนบริการมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่า มุมมองจากนักลงทุนนั้นก็จะชอบมากกว่าเพราะจะคำนวณได้ง่ายกว่า
  • ขายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแบบนี้คือ สินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ข้อดีคือ หากสินค้าที่บริษัทผลิตแล้วโดนใจ ลูกค้าจะยึดติดสินค้าเราเป็นเวลานาน เช่นหมึกพิมพ์, เกมส์, วิตามิน, ครีมบำรุง เป็นต้น
  • อัพเกรดเป็นพรีเมี่ยม วิธีนี้เป็นวิธีการที่ใช้มากกับพวก Application ที่ให้ลูกค้า download โปรแกรม และใช้แบบขั้นพื้นฐานได้ บางทีเรียกว่า Freemium หากต้องการให้โปรแกรมทำได้หลากหลายมาขึ้น ลูกค้าต้องจ่ายเงินเลือกซื้อการอัพเกรดได้ วิธีนี้ข้อเสียคือมีคนทำกันเยอะมากแล้ว แต่หากโดนใจแล้วเป็น Auto Renewable การคิดเงินแบบนี้จะกลายเป็น Cash Cow ได้เลย
  • Marketplaces คือตลาดขายของบนโลกออนไลน์ ตลาดแบบนี้เป็น Business Model ที่น่าสนใจที่สุด เพราะ Marketplace คิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ในทุกๆ การซื้อขาย ค่าธรรมเนียมเล็กๆ เหล่านี้รวมกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้น ตราบใดที่ลูกค้ายังคงใช้บริการ ดังนั้นความยากของการสร้าง Marketplace คือการหาผู้ซื้อ และผู้ขายจำนวนมาก หากทำได้ Marketplace จะกลายเป็นเครื่องพิมพ์เงิน และยากที่จะมีคู่แข่งมาสู้ได้

2) Business model ที่ได้เงินจากการโฆษณา 

Model ที่ได้เงินจากโฆษณาขึ้นกับสิ่งสำคัญที่สุดสองอย่าง นั่นคือ จำนวนผู้ใช้ปริมาณมาก ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี และการมีความผูกพัน และได้มีส่วนร่วม (ดูได้จากการหยุดอ่าน, การกลับมาอ่านใหม่, การกด Like, Share หรือ ให้ Comment)

ดังนั้นเราสรุปได้ว่า ไม่มีโมเดลทางธุรกิจใดที่เรียกว่าโมเดลที่ดีที่สุด มันขี้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ และความต้องการของลูกค้า เจ้าของธุรกิจต้องลองหลายๆ โมเดล ค่อยๆ ปรับจนกระทั่งลงตัว โดยไม่ต้องคำนึงถึงนักลงทุนมากนัก เพราะเหล่านักลงทุนไม่ได้สนใจ Business model แต่สนใจว่าธุรกิจต้องเติบโตได้ นั่นคือเป็นธุรกิจทำเงินได้ และมีกำไรอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นค่อยๆ หา ค่อยๆ ปรับไปนะครับ อาจใช้หลักการของ Business Model Canvasหรือ Investor Pitch Deck มาช่วยพิจารณาได้นะครับ

เกี่ยวกับนักเขียน

ทศรรห์ บุรีชนะ Chief Value Officer บริษัท สินวัฒนา คราวด์ฟันดิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด นักการเงิน นักลงทุน ผู้เข้าใจกลไกการระดมทุนผ่านแพลตฟอร์มใหม่ๆให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจมากขึ้น

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน