THE GURU • MONEY&US

“อุตสาหกรรมกาแฟ" ในเวียดนาม ช่วยขจัดความยากจนภายในประเทศได้อย่างไร?

บทความโดย:

เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่ช่วยให้คนสามารถมีงานทำ และช่วยให้หลายๆ คนสามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้


@ กาแฟเวียดนาม มีมาตั้งแต่สมัยไหน?

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1857 เมล็ดกาแฟถูกนำเข้ามายังเวียดนาม เป็นครั้งแรกโดยประเทศฝรั่งเศส ที่ได้ค้นพบว่าสภาพแวดล้อมในพื้นที่ราบสูงตอนกลางของประเทศนั้นเหมาะสำหรับการเพาะปลูกพืชต่างประเทศจำนวนมาก

ในช่วงแรกฝรั่งเศสนำกาแฟสายพันธุ์ Arabica เข้ามาก่อนในปี 1905 จากนั้นได้มีการแนะนำพันธุ์ Robusta ให้ชาวเวียดนามปลูกควบคู่กันไป และมีการตั้งโรงงานแปรรูปกาแฟครั้งแรกในปี 1950 แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟก็ต้องชะงักลงไป เมื่อเกิดสงครามขึ้นในเวียดนาม


@ กาแฟเวียดนาม ผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของโลกได้อย่างไร?

เมื่อสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงในปี 1975 ฝ่ายรัฐบาลได้หันมาใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบนารวม ซึ่งระบบนี้ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น 11 ปี ภาครัฐจึงได้ปรับนโยบายเกษตรแบบใหม่ และหันมาพึ่งพาอุตสาหกรรมกาแฟอีกครั้ง โดยกว่า 70% ของพื้นที่เพาะปลูกของภาครัฐอยู่ที่เมืองดั๊กลั๊ก, ซาลาย และกอนตูม

ต่อมาเวียดนามได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบายโด๋ยเม้ย (Doi Moi) ที่เน้นการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด (Market Economy) ลดการแทรกแซงจากภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจมีความเสรี และ พัฒนาได้มากขึ้น

ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้อุตสาหกรรมเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ด้วยดี โดยในช่วงปี 1995 และ 1999 อุตสาหกรรมกาแฟของเวียดนามก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ย 20-30% ต่อปี และทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 2.6 ล้านคน อุตสาหกรรมกาแฟของเวียดนามเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากบราซิล


@ ทำไมอุตสาหกรรมกาแฟ ในเวียดนาม ช่วยขจัดความยากจนได้?

ภาคการจ้างงาน : การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมผลิตกาแฟในเวียดนาม ได้ทำให้มีการจ้างงานเฉลี่ย 2.6 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ทำให้คนเหล่านี้ มีโอกาสในการทำมาหากิน และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

การลงทุนจากต่างชาติ : ในแต่ละปี บริษัท Nestlé และ Mondelez International ได้มีการลงทุนโดยตรงในการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟ กว่า 7,156 ล้านบาท ทำให้มีเงินมาหมุนเวียนต่อในภาคอุตสาหกรรม กระตุ้นให้เกิดการลงทุน และ การจ้างงานใหม่ ภาคแรงงานจึงได้ประโยชน์จากส่วนนี้ด้วย

การเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟในเวียดนาม มีส่วนช่วยให้ความยากจนในประเทศเวียดนามลดลง โดยในปี 1994 เวียดนามมีอัตราความยากจนเกิน 90% แต่ในปี 2020 อัตราความยากจนเหลือเพียง 23% เท่านั้น


@ 1โอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมกาแฟเวียดนามในปัจจุบัน

เวียดนามส่งออกกาแฟเป็นอันดับที่ 2 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 8.3% ในตลาดโลก ในขณะที่ตลาดยุโรป กาแฟเวียดนามครองส่วนแบ่งประมาณ 16% ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 แต่อุตสาหกรรมกาแฟของเวียดนามมีรายได้จากการส่งออกกาแฟมูลค่ากว่า 135,888 ล้านบาท ในปี 2021 ซึ่งคิดเป็น 3% ของ GDP ประเทศ และ 10% ของการส่งออกสินค้าเกษตร

นอกจากนี้ในช่วง 5 เดือนแรก ของปี 2022 เวียดนาม ส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐอเมริกา 50,580 ตัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 2.9% ถึงแม้ว่าเวียดนามจะส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐอเมริกาได้น้อยลง แต่ถ้าเรามาดูในส่วนของราคากลับพบว่า เวียดนามมีรายได้จากกาแฟต่อตันเพิ่มขึ้นมา 27.2% แสดงให้เห็นว่า ราคาต่อหน่วยนั้นสูงขึ้น

นอกจากนี้ เวียดนามต้องการยกระดับอุตสาหกรรมการแปรรูปกาแฟและคาดว่าการส่งออกทั้งหมดจะสูงถึง 214,560 ล้านบาท ภายในปี 2030 และจะมีการลงทุนปลูกต้นกาแฟใหม่ 107,000 เฮกตาร์ ภายในปี 2025 ในส่วนนี้จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่อยากลงทุนในตลาดกาแฟเวียดนาม