เงิน-ความโปร่งใส-ความซื่อสัตย์ รากฐานความมั่นคงในครอบครัว
บ้านเราชั่วโมงนี้นอกจากข่าวการเมืองแล้วก็มีข่าว “ดาราไทยแยกทาง”
ที่เป็นข่าวดังกระฉ่อนไปทั่วสังคมไทย มีทั้งเรื่องเมียหลวง เมียน้อย กรีดกันผ่าน Social
Network แสดงตนแย่งสามีกันอย่างเอิกเกริก...ก็ไม่รู้ว่าที่แย่งกันนั้นท่านแย่งตัวตนของคุณผู้ชาย
หรือ กีดกัน/ห่วงหาทรัพย์สินของเขา
ยังมีดาราอีก 2
คู่ ที่น่าศึกษา
คู่แรก มีบุตรชายที่อยู่กับฝ่ายหญิง
ฝ่ายชายไม่ได้อยู่กับพวกเขาแม่ลูก ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ได้จดรับรองบุตร แต่ต้องการจะทำ
ฝ่ายชายได้ส่งเสียเงินเลี้ยงดูมาอย่างดี
จนกระทั่งล่าสุดมีปัญหาที่จำเป็นต้องลดระดับการส่งเสียลง เพราะงานหดตามโควิด
ตามข่าวนั้น ฝ่ายหญิงรับไม่ได้
เลยเรียกร้องอะไรๆ ไปหลายข้อ หากฝ่ายชายให้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาจดรับรองบุตร และจะพาลูกชายตัวน้อยกลับไปบ้านเกิดของเธอ
ที่น่าทึ่งคือ ข้อเรียกร้องของฝ่ายหญิง
ไม่ว่าใครได้อ่านก็คงอึ้ง
ส่วนคู่หลังนั้น
ฝ่ายชายเพิ่งจะหย่ากับฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายเป็นผู้เลี้ยงดูมีบุตรสาวตัวน้อยไว้เอง
สาเหตุแห่งการแยกทาง ตามที่อ่านจากข่าวคือ พฤติกรรมทางการเงินของฝ่ายหญิง สร้างหนี้ไปทั่ว
ติดการพนัน เอาเงินทอง และทรัพย์สินของสามีและลูก ไปโดยพละการ ฯลฯ
ใน 2
ข่าวที่ว่า ไม่มีข่าวไหนที่ไม่มีเงินเป็นรากฐาน
ซ้ำเติมด้วยความซื่อสัตย์และความโปร่งใสในการครองชีวิตคู่
ใครจะผิด จะถูก
อย่างไร ช่างเขาเหอะ แต่เรื่องของเขาก็มีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเรา นั่นก็คือ “เขาไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร”
และ
“ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ไปถึงจุดนั้น”
มีผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาว่า 90% ของสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้หย่าร้างกันคือปัญหาเรื่องเงิน…จะว่าไปไม่ว่าชนชาติไหนหากทำผลสำรวจก็คงได้ผลไม่หนีกันหรอก
แล้วจะทำอย่างไรเพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องเงินในชีวิตคู่
ก็ต้องเปิดใจคุยกันกันเรื่องเงินอย่างโปร่งสิ หากไม่อยากเปิดใจ จะมีชีวิตคู่ไปทำไม อยู่เป็นชีวิตคี่ๆ ก็พอแล้วนี่ และที่สำคัญ หากต้องการมีความสัมพันธ์กันโดยฉาบฉวย ก็จงป้องกันเรื่องการคั้งครรภ์ไว้ทุกครั้งด้วย มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย
จะให้ตกลงเรื่องเงินกันอย่างไรบ้าง
1.ใครมีทรัพย์สินอะไรอยู่แล้วเท่าไหร่ แจกแจงมาซะดีๆ อย่าหมกเม็ด หากจะปิดบังกันก็ไม่ต้องจดทะเบียนสมรส
เพราะแสดงว่ายังไม่ไว้ใจกันเพียงพอ อย่าผูกมัดกันด้วยกฎหมาย
แต่หากต้องการจดทะเบียนสมรสและต้องการกันทรัพย์สมบัติบางส่วนไว้ต่างหากมิให้คู่สมรสมายุ่งด้วย
ก็ให้จดเป็นสินเดิมให้รับรู้กันไปก่อนเลยจะดีกว่า
2.ใครมีหนี้สินอะไร เท่าไหร่ มีภาระแต่ละเดือนเท่าไหร่
3.ใครมีรายได้จากไหน เท่าไหร่
4.รายจ่ายของครอบครัวในการอยู่ร่วมกัน และรายจ่ายส่วนตัว
แต่ละเดือนเท่าไหร่
5.เอาทั้งหมดข้างต้นมาทำบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน รายรับ รายจ่าย...เรียกว่า
ก. บัญชีทรัพย์สิน และ ข. งบประมาณของครอบครัว
6.กันเงินส่วนกลางของครอบครัวเอาไว้สำหรับใช้จ่ายส่วนกลาง
และเกี่ยวกับลูกๆ...ขอแนะนำว่าอย่ากำหนดให้ใครแยกไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนรวมเลย ควรนำเงินมารวมกันในส่วนนี้จะดีกว่าแยก
แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนั้นให้แยกได้
7.อย่าลืมสร้างเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินที่จะใช้ในกรณีเจ็บป่วย ตกงาน ฯลฯ
8.ออมเงินเพื่อลูก และเพื่อการเกษียณ
9.ต้องเวลาเพื่อพูดคุยเรื่องเงินกันในครอบครัวเสมอๆ ให้ทุกคนมีส่วนรับรู้ รับผิดชอบร่วมกัน
นั่นคือ 9
ข้อแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเงินในครอบครัว
ที่เน้นการมีส่วนร่วมวางอนาคตและร่วมรับผิดชอบอย่างโปร่งใส
ทุกคนต้องรู้สถานะการเงินของครอบครัว จึงจะลดโอกาสในการก่อปัญหาทางการเงินได้
แต่นอกจากเงินกับความโปร่งใสแล้ว
ความซื่อสัตย์ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยประคับประคองชีวิตคู่ของเราด้วย...ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง
ต่อคู่ชีวิต และต่อลูกๆ ด้วยความรักและความเมตตา
ทำแบบนี้ได้ก็จะมีครอบครัวที่มีความสุข
มีความมั่นคง และจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด
เมื่อครอบครอบมีความรัก
ความเข้าใจ มีความมั่นคงทางการเงินแล้ว
ปัญหาทางสังคมที่เกิดจากคนก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
เมื่อสังคมดีงาม
ผู้คนมีสุขตามอัตภาพ ประเทศชาติก็จะสงบสุข