THE GURU • INVESTMENT

Alibaba ถูกแค่ไหน แค่ไหนเรียกถูก ถูกแล้วถูกอีกได้ไหม

บทความโดย: FINNOMENA

เกิดอะไรขึ้นกับ Alibaba! ทำไมโดนรัฐจีนสั่งเก็บ? Alibaba ยังลงทุนได้หรือไม่เป็น Stock หรือ Stonk ไปแล้ว!เรามาสำรวจไปพร้อมๆ กันดีกว่า

 

เริ่มแรกเรามาทำความรู้จักธุรกิจของ Alibaba กันเสียก่อน จะได้มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันว่าสตอรี่เรื่องราวของการผูกขาดเกิดมาจากอะไร?

 

มาเริ่มกันเลยที่สัดส่วนรายได้หลัก Alibaba มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้

 

        - ตลาดค้าปลีกออนไลน์ในจีน 43%


        - ธุรกิจค้าปลีกพาณิชย์อื่นๆ 23%


        - ธุรกิจค้าปลีกนานาชาติ 5%


        - บริการโลจิสติกส์ 5%


        - และอื่นๆ 24%


เมื่อเห็นดังนี้แล้วเราจะเห็นได้ว่า Alibaba มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก ดังนั้นในบทความนี้จึงขอเจาะไปที่ส่วนของตลาดค้าปลีกออนไลน์ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของ Alibaba โดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซตัวชูโรงของ Alibaba ก็จะมี Taobao และ Tmall  

 

ตัว Taobao จะให้บริการในรูปแบบ B2C หรือเป็นธุรกิจกับลูกค้าโดยตรง โดยมีโมเดลที่น่าสนใจอย่างการไม่เก็บค่าธรรมเนียมทั้งกับคนซื้อและคนขาย แต่ใช้วิธีการหารายได้ผ่านการโฆษณาทาง SEO แทน (Keyword ไหนคนสนใจเยอะๆ ก็ยิ่งเก็บแพง) หรือจะเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่หารายได้เหมือน Google แต่ให้บริการแบบ Amazon ก็ว่าได้

 

สิ่งๆ นี้หากไปถึงหูชาวจีน คงตาลุกวาวกันเป็นแน่ เพราะ ชาวจีนถือได้ว่านิยมชมชอบสินค้าราคาถูกกันเป็นยิ่งนัก และมีการขายตัดราคากันแบบสุดโหดอยู่แล้ว ดังนั้นการลดภาระทางด้านค่าธรรมเนียมออกไป ก็จะช่วยให้คนขายมีกำไรมากขึ้น คนซื้อก็อยากซื้อมากขึ้นตอบโจทย์สุดๆ

 

มาดูทางด้าน Tmall กันบ้าง Tmall ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มขั้วตรงข้ามกับ Taobao โดยจะเน้นไปที่สินค้าที่มีความพรีเมียมมากขึ้น มีพ่อค้าโนเนมที่น้อยกว่า มีร้านค้าอย่างเป็นทางการและมีแบรนด์ควบคุม มีการเก็บค่าธรรมเนียมผู้ขายปีละ 5,000 เหรียญ และเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายตั้งแต่ 0.5%-5.0% อีกทั้งการเข้ามาขายสินค้าใน Tmall ยังต้องวางเงินฝากเพื่อความปลอดภัยอีกถึง 25,000 เหรียญ จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นคงและมี Position ที่หรูหรากว่า และเน้นเจาะลูกค้า Hi-end ก็ว่าได้ ซึ่งเป็นโมเดลที่แตกต่างจาก Taobao อย่างสิ้นเชิง

 

จึงอาจสรุปได้ว่า Alibaba มีธุรกิจที่เจาะลูกค้าได้ทุกรูปแบบครบเครื่องเจาะลูกค้าได้ 2 กลุ่ม ไม่ว่าจะสายเน้นของถูกหรือสายเน้นคุณภาพก็ว่าได้

 

นอกจากนั้น Alibaba ยังมีธุรกิจอื่นๆ อย่างเช่น Freshippo ซูเปอร์มาเก็ตที่เน้นขายสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารสดแบบเป็นๆ, Sun Art ธุรกิจค้าปลีกที่จัดจำหน่ายอาหารในจีนหรือ Cainiao บริษัทโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าจากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค มีพันธมิตรเป็นบริษัทขนส่งชั้นนำมากมาย



 

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า Alibaba มีการแบ่งระยะเวลาจัดส่งให้เหมาะสมกับสินค้าอย่างชัดเจน

 

ถ้าหากดูจากองค์ประกอบข้างต้นแล้ว Alibaba แทบจะเรียกได้ว่าเริ่มและจบงานได้ด้วยตนเองแบบครบวงจร เพราะมีทั้งร้านค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์ และยังมีบริการขนส่งให้อีกด้วย ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ที่ Alibaba ได้จัดสรรเข้ามาเพิ่มนั้นก็ทำให้ Alibaba มีความครบเครื่องและสามารถควบคุมการส่งสินค้าได้ดั่งใจ จนสามารถออกแบบระยะเวลาในการส่งสินค้าที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภทได้ด้วยตนเอง 

 

แต่วิธีดังกล่าวอาจไปจุดประเด็นทางรัฐของจีน เพราะ ในเมื่อ Alibaba สามารถจบงานได้ด้วยตนเองแบบครบวงจร และอาจใ้ช้ท่าอย่างการเข้าซื้อร้านเชนออฟไลน์ มาคอนเน็กกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของตนเองที่มี Users จำนวนมหาศาลเรื่อย ๆ แนวโน้มที่ว่าอาจนำไปสู่การผูกขาดทางธุรกิจซึ่งก็เป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา จนทางรัฐจีนต้องสั่งเรียกค่าปรับด้านการผูกขาดจาก Alibaba

 

ดังนั้นต่อไปเราจะมาดูกันว่าในเชิงตัวเลขแล้ว Alibaba ถูก แพง หรือหุ้นตัวนี้จบไปแล้วกันแน่?

 


ข้อมูลในเชิงตัวเลขบอกอะไรเราบ้าง?

 

ในตอนนี้ Alibaba มีค่า P/E หลังปรับพวก Seasonality Effects ต่างๆ ออกไปแล้วอยู่ที่ 13.04 เท่า

 

แต่หากเราลองมาเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรย้อนหลัง 5 ปี ที่อยู่ที่ 14.42% และ 3 ปีที่ 30.67% เราอาจจะพูดได้ว่า Alibaba ในตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ถูกเลยทีเดียวหากเทียบกับการเติบโตของกำไร

 

นอกจากนั้นอย่างที่ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าบริษัท เทคโนโลยีแนวๆ นี้มีสภาพคล่องที่สูงมีหนี้น้อย จึงทำให้สภาพคล่องในระยะสั้นๆ ไม่น่าจะน่าเป็นห่วง ถึงแม้จะเจอเรื่องค่าปรับการผูกขาดไปก็ตาม

 

ว่ากันด้วยเรื่องของค่าปรับการผูกขาด หากเรามาดูดีๆ ถึงแม้บริษัทจะเจอเรื่องนี้เข้าไป ก็ดูจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก เพราะ จากรายงานของบริษัทช่วงปิดปีล่าสุด กำไรสุทธิในรอบปีก็ยังเติบโตได้สูงถึง 30% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่กำไรสุทธิในรอบ 3 เดือนก็เติบโตได้ถึง 18% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

อีกทั้งเรื่องของกฎหมายการผูกขาด หากเราลองมาคิดดูดีๆ ปัจจัยนี้ไม่ได้แสดงถึงการที่ธุรกิจนั้นอ่อนแอลงอย่างใด และเผลอๆ อาจจะเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราวเสียด้วยซ้ำ อย่างที่เรารู้กันว่าพวกนโยบายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น Fed ที่ปรับประมาณการลด QE ลดดอกเบี้ย ลดMBS ลด Repo ได้เรื่อยๆ ไม่รู้จบ

 

นอกจากนั้นจีนเองก็ค่อนข้างเด่นชัดในเรื่องของความชาตินิยม ดังนั้นหากมองในอีกแง่ สี จิ้นผิง คงไม่กล้าหักหัวเรือบิ๊กเทคของตนเองจนถึงขั้นประเทศได้รับผลกระทบกันเป็นแน่ และอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซก็เป็นอีกอุตสาหกรรมที่โตมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด

 


 

ตลาดอีคอมเมิร์ซยังถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง!

 



สัญญาณทางเทคนิค

 

Alibaba ถูกแค่ไหน แค่ไหนเรียกถูก ถูกแล้วถูกอีกได้ไหม

 

หากเรามาดูที่กราฟรายวัน Alibaba กำลังเผชิญกับ Dead Cross ซึ่งเป็นการตัดกันลงของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน จนราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก อีกทั้งราคาหลังเกิด Dead Cross ยังไม่ได้มีการสร้างฐาน Low ใหม่ที่สูงกว่าเก่าแต่อย่างใด ดังนั้นในเชิงเทคนิคแล้ว Alibaba อาจจะยังไม่ได้มีการกลับตัวเป็นขาขึ้นขนาดนั้น

 

สรุปโดยรวมแล้ว Alibaba ถือเป็นธุรกิจที่ตอนนี้อาจจะแทบเรียกได้ว่าเริ่มและจบงานได้ด้วยตนเอง มีการเสริมทัพเข้ามาเป็นช่องทางออฟไลน์ต่างๆ อีกทั้งยังมีระบบที่ดำเนินการด้านโลจิสติกส์ด้วยตนเองได้อีกด้วย

 

อีกทั้งยังมีข้อมูลในเชิงปริมาณหรือตัวเลขที่ในตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าดึงดูด และสร้างการเติบโตได้ตลอด แต่สัญญาณทางเทคนิคก็อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป เพราะ อาจจะยังไม่ได้มีนัยยะอะไรที่บอกจุดเข้าได้นั่นเอง ดังนั้น Alibaba ก็อาจจะถูกแล้วถูกได้อีก แต่ในเชิงมูลค่าอาจจะเริ่มมีความน่าสนใจ

 

หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญอ่านกันด้วยความสนุกนะครับ

 

แถมด้วยมุมมองกฎหมายควบคุมในจีนเชิง Macro จาก Franklin Templeton

 

กฎหมายการควบคุมล่าสุดของจีนในหลายอุตสาหกรรมเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจจากรัฐที่ต้องการพัฒนาจีนให้เป็น เศรษฐกิจสังคมนิยมสมัยใหม่” ซึ่งประกอบไปด้วยเป้าหมายด้านความมั่งคั่งทั่วไป การพัฒนาเชิงสิ่งแวดล้อม และการที่เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมไม่ถูกควบคุมโดยคนบางกลุ่ม


การใช้นโยบายของจีนอิงจากวัฒนธรรมและหลักการเป็นหลักซึ่งมุ่งเน้นถึงผลลัพธ์มากกว่าการบังคับใช้กฎเกณฑ์ในเชิงกฎหมายซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านการควบคุมที่สูงขึ้น


ในขณะที่เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในจีนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ แต่เรายังคาดว่าวัฏจักรการควบคุมต่าง ๆ จะยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังจีนมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะที่ยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในสังคมและมั่นคง


เราเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะยังใช้การเพิ่มทุนจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้เพื่อสนับสนุนนวัตกรรม ถึงแม้จะมีการควบคุมเกิดขึ้นเรายังมองเห็นโอกาสที่จีนจะเปิดกว้างมากขึ้น เช่น การเปิดกว้างในตลาดตราสารหนี้จีน


มาถึงจุดนี้หลายๆ คนอาจสงสัยว่ากองทุนอะไรลงทุนใน Alibaba บ้าง? Mr. Serotonin ได้ประสานกับทีมงาน Investment ของ FINNOMENA และรวบรวมมาให้ทุกคนแล้ว

 

 

 

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

 

Mr. Serotonin



แผนการเงินที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งชี้วัดภายในของหลายๆ คน หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีเป้าหมายนี้ ก็สร้างแผนลงทุนในกองทุนรวมได้ง่ายๆผ่าน https://finno.me/moneyandbanking  



เกี่ยวกับนักเขียน

FINNOMENA FINNOMENA อยากให้นักลงทุนได้ปลดล็อค “ศักยภาพ” ในฐานะนักลงทุนให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวคุณเอง เพราะสุดท้ายแล้วเราเชื่อว่านักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ลงทุนตามคำบอกของคนอื่น แต่คือนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถในการลงทุนด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน