WEALTH • PERSONAL FINANCE

กูรูแนะถือเงินสด 50-70% รอจังหวะลงทุนหุ้นโลกปรับฐานแรง

ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนแนะกลยุทธ์จัดพอร์ตรับมือโลกผันผวนจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น การเมืองประเทศใหญ่ของโลกมีความไม่แน่นอน แนะถือเงินสด 50-70% ของพอร์ตเพื่อรอโอกาสลงทุน คาดหุ้นโลกปรับฐาน 20-30% เตือนปีนี้สินทรัพย์ดิจิทัลผันผวน

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ผันผวนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนแรกของปีนี้จากปัจจัยที่เข้ามากระทบ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนด้านนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและน่าจับตาว่าจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการลงทุนอย่างไร รวมถึงเทรนด์ใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่ส่งผลให้วิถีชีวิตผู้คนทั่วโลกเริ่มเปลี่ยน ในขณะที่พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนสมัยใหม่มีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มมากขึ้น เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล

 

บลจ.วรรณ แนะนักลงทุนถือเงินสด 50% ของพอร์ต

บลจ.วรรณ มีมุมมองต่อทิศทางการลงทุนปีนี้ว่า นับเป็นอีกปีที่ยากลำบาก ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดมากกว่าครึ่งหนึ่งของพอร์ต เนื่องจากปัจจุบันโลกอยู่ในช่วงต้นของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ดังนั้น เมื่อเกิดการคาดเดาจากหลายสำนักในเรื่องอัตราดอกเบี้ยทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อกลับมาถือเงินสด หรือการกลับสู่ภาวะปกติ (Normalization) จึงทำให้สินทรัพย์การลงทุนมีความผันผวน โดยเฉพาะตลาดหุ้น

คาดว่าตลาดหุ้นจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกกับความผันผวนระยะสั้น จนส่งผลให้ต้องเปลี่ยนวิธีการลงทุน โดยเชื่อว่านักลงทุนมีการกระจายสินทรัพย์ที่ดีอยู่แล้ว และอาจหาจังหวะที่เหมาะสมเพื่อลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่คิดว่ามีความเหมาะสมกับตัวเอง” นายพจน์ กล่าว

พร้อมกันนี้ นายพจน์คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มกลับมาสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกรับมือกับการระบาดของโควิด-19ได้ดีขึ้น คาดว่าปี 2565 เศรษฐกิจโลกขยายตัว 4% ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ นโยบายจากธนาคารกลางทั่วโลกว่าไปในทิศทางใด

อย่างไรก็ตาม อาจมีสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นกัน ไม่ว่าจะประเด็นการเลือกตั้งจาก 4 ประเทศขนาดใหญ่ ได้แก่ อิตาลี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองอย่างกะทันหันได้ ในทางกลับกัน หากขั้วการเมืองของประเทศเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเดินหน้า ดังนั้น การลงทุนในปีนี้การพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรม อาจทำได้ยากกว่าการเลือกลงทุนรายหุ้น

 

หุ้นไทย 1,600 จุด เหมาะทยอยซื้อลงทุน

สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในปีนี้ นายพจน์คาดว่า ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นแตะ 1,770 จุด ซึ่งหากลงไปแตะที่ 1,600 จุดต้นๆ ถือว่าเหมาะกับการเข้าซื้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนไทยไม่มีธุรกิจที่เหมาะสมกับทุกฤดูกาล ดังนั้น ต้องเลือกลงทุน ส่วนหุ้นสหรัฐฯถือว่า Perform ไปแล้วปีนี้ ดังนั้น อาจจะจัดไว้อยู่ในส่วนของ Bottom Rank เพราะมีราคาที่แพง แต่สิ่งที่สำคัญคือ การปรับสมดุลย์ของพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์อยู่เสมอ เพราะไม่มีหุ้นตัวไหนเป็นผู้ชนะได้ตลอด

เช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีน ที่นายพจน์มีมุมมองว่า “ปัจจุบันหุ้นจีนราคาถูกมากแต่ก็ไม่ได้แปลว่าลงได้ทั้งหมด อาจต้องดูท่าทีขององค์กรกำกับดูแลของจีนที่ปีที่แล้ว เข้ามาควบคุมเศรษฐกิจจีนอย่างหนัก ดังนั้น จึงไม่ควรลงทุนกระจุกตัว แต่ควรมองเทรนด์ของโลกว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะเทรนด์ คือสิ่งที่จะบอกนักลงทุนว่าควรเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ใด”

นายพจน์คาดว่า ปีนี้สินค้าโภคภัณฑ์มาแรง โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาเรล รวมถึงเหล็กและทองคำ ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีกลุ่มพลังงานประมาณ 1 ใน 4 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ดังนั้น หุ้นไทยจึงได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้น ส่วนกลุ่มที่จะได้รับผลบวกจากทิศทางดอกเบี้ยโลกเป็นขาขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์ ที่จะได้ประโยชน์จากการเก็บค่าเช่า เป็นต้น

ส่วนอีกเทรนด์ที่น่าสนใจในปีนี้คือ แนวคิดหรือธีมการลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Environmental, Social, Governance : ESG) เนื่องจากในปัจจุบันนโยบายภาครัฐของประเทศขนาดใหญ่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ล้วนมุ่งไปสู่การทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน ดังนั้น หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับความยั่งยืน จึงน่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้มากกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น

 

ไพน์ เวลท์ แนะถือเงินสด 70% รอจังหวะลงทุน

นายสุรศักดิ์ ธรรมโน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด มีมุมมองการลงทุนในมิติของการลงทุนส่วนบุคคลว่า ทุกครั้งที่ตลาดเกิดความผันผวนสามารถมองให้เป็นโอกาสการลงทุนได้ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาสินทรัพย์ทางการเงินปรับตัวขึ้นมามากเนื่องทั่วโลกใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

นอกจากนี้ โลกอยู่ในยุคเงินเฟ้อต่ำมาตลอด 40 ปี แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นธนาคารหลายแห่งกังวลแล้วว่าโลกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเกิดเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ต่อจากนี้ธนาคารกลางจะเริ่มบริหารนโยบายทางการเงินได้ยากมากขึ้น และธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อในครั้งนี้ จะไม่ใช่แค่เรื่องชั่วคราวอีกต่อไป จึงทำให้เริ่มเห็นสัญาณชัดมากขึ้นในการขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางหลายแห่ง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และนโยบายทางการเงินในช่วงต่อจากนี้จะมีความเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อควบคุมให้ภาวะเงินเฟ้อกลับสู่ปกติ

สิ่งที่ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น สื่อสารกับนักลงทุนคือ การแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดไว้ประมาณ 70% ของพอร์ต เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนต่อจากนี้ เพราะคาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐานไม่ต่ำกว่า 20-30% จากระดับดัชนีสูงสุด ดังนั้น ในอนาคตมีโอกาสลงทุนให้เห็นอีก”

อีกประเด็นที่นายสุรศักดิ์แนะนำนักลงทุนควรพิจารณาในระยะสั้นคือ ความตึงเครียดทางการเมืองโลก และการขาดแคลนในห่วงโซ่อุปทาน แม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่หลายประเทศยังมีนโยบายในการป้องกันอยู่ทำให้การนำเข้าและส่งออกวัสดุอุปกรณ์ อาหาร ตลอดจนการเคลื่อนย้ายแรงงานที่ยังเป็นไปได้ยากในบางพื้นที่อาจส่งผลให้เกิดการตึงตัวในห่วงโซ่อุปทาน

ดังนั้น ในระยะสั้นที่ตลาดมีความผันผวน ทำให้เห็นโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่นทองคำ น้ำมัน และสินแร่พื้นฐาน ที่เหมาะแก่การลงทุนในช่วงต้นปีนี้ และเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานลงมาตามเป้าหมายแล้วจึงกลับเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์หลักตามที่นักลงทุนต้องการได้

 

เอวา แอคไวเซอรี่ คาดสินทรัพย์ดิจิทัลผันผวน

นายนิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอวา แอคไวเซอรี่ จำกัด แนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังอยากเข้าสู่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ว่า ความรู้เรื่องการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่าไปหลงเชื่อเพียงข่าวที่แชร์ต่อกันมาสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะเป็นเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของรูปแบบการทำธุรกิจจากยุคเก่าไปยังยุคใหม่

สิ่งที่ผมคอยบอกนักลงทุนหน้าใหม่เสมอมา คือการลงทุนต้องมีเวลาเพื่อทุ่มเทเรียนรู้ ศึกษาให้ได้มากที่สุดก่อน แต่หากไม่มีเวลาศึกษาแนะนำให้ใช้ตัวช่วยที่มีอยู่ในตลาดมากกว่า ซึ่งความเป็นมืออาชีพของเขาจะเข้ามาช่วยบริหารทางการเงินให้ ในปัจจุบันธุรกิจการเงินหลายแห่งมีการปรับตัวที่รวดเร็วและมีแผนในการทำงานจนไปถึงการบริหารความเสี่ยง ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีสิ่งเหล่านี้ตอบสนองให้อยู่แล้ว การมีคนที่เป็นมืออาชีพคอยบริหารให้ผลตอบรับอาจจะดีกว่า”

สำหรับมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลปี 2565 นายนิรันดร์คาดว่า ตลาดยังคงเผชิญกับความผันผวน เนื่องจากสภาพคล่องจะถูกดึงกลับไปยังตลาดพันธบัตร ปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้น หากนักลงทุนมองว่าในภาวะแบบนี้การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างเสี่ยง แนะนำให้กระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

กลไกในการกระจายความเสี่ยง อาจจะไม่ถูกใจสำหรับมุมมองของนักลงทุน แต่จะทำให้ปลอดภัย หากอยากลงทุนก็สามารถลงทุนได้ตลอด แต่ควรเป็นการลงทุนในปีที่เหมาะสม แต่ปีที่ไม่น่าลงทุนก็ควรจะชะลอไว้ก่อน สุดท้ายคือ คริปโทเคอร์เรนซี ถือเป็นการลงทุนที่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ ไม่ได้มีความเสี่ยงสูงมากอย่างที่หลายคนคิด”

นายนิรันดร์กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลได้ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น เหรียญ (Coin) ที่เป็นตัวแทนโครงสร้างพื้นฐานของคอมมูนิตี้ต่างๆ ในโลกดิจิทัลที่สามารถเติบโตได้ในอนาคต โดยทุกแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่น จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้ในการขับเคลื่อน

หากย้อนกลับไปในอดีต ยุคสมัยนั้นผู้คนทั่วไปจะเชื่อใจสถาบันการเงินเป็นหลัก เพราะเป็นตัวกลางในเรื่องของธุรกิจการเงิน เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน จะต้องไปที่ธนาคาร แต่ในอนาคตมีเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล (Data Structure) หรือ บล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และอาจส่งผลต่อผลตอบแทน (Yield) ที่เพิ่มขึ้น

รวมไปถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย เช่นเดียวกับเมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่เปรียบเสมือนโลกของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ถูกสร้างขึ้นให้เหมือนจริง เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งแต่ใช้ชีวิตคล้ายกับอยู่บนโลกความเป็นจริง โดยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (VR)

โลกเผชิญกับสถานการณ์ของโควิด-19 ผู้คนเจอกันผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เมตาเวิร์ส เข้ามาช่วยเยียวยาสิ่งเหล่านี้ ที่สามารถทำให้ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันได้ หรือมีประสบการณ์ใหม่เกิดขึ้นได้ และเชื่อว่าในอนาคตเมตาเวิร์ส จะเป็นเทรนด์ที่สร้างระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ได้”