จับตา 3 ปัจจัยหลัก กำหนดราคาทองคำครึ่งปีหลัง
นับว่าปี 2563 เป็นปีของสินทรัพย์ที่ชื่อ “ทองคำ” เนื่องจากราคาทองคำ (Gold Spot) ตอนนี้อยู่ที่ระดับที่แพงสุดในรอบ 8 ปี (13 ก.ค. 2563 ราคา Gold Spot อยู่ที่ 1,802 ดอลลาร์) ซึ่งปัจจัยที่ส่งให้ราคาทองคำปรับขึ้นคือ วิกฤติการระบาดของโควิด-19 โดยวิกฤตินี้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อการค้าโลกอย่างมากกลับมาที่สินทรัพย์ที่ชื่อทองคำในครึ่งปีแรกปรับขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์
หลังจากนักลงทุนทุกท่านได้ทราบกันแล้วว่า ครึ่งปีแรกราคาทองคำปรับขึ้นได้แรงมาก แต่หลังจากนี้ต่างหากที่สำคัญ โดยเราจะคาดการณ์ปัจจัยที่จะส่งผลต่อทองคำในครึ่งปีหลัง
1. แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ผ่านมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโก คาดการณ์ว่า
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เร็วสุดอาจใช้เวลา 4-5 ปี
ซึ่งต้องมีมาตรการที่ช่วยการจ้างงานให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
สาขาซานฟรานซิสโก ยอมรับว่า สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือน ก.พ.และ มองว่า
สิ่งที่กำหนดความเร็วในการฟื้นตัว ขึ้นอยู่เป็นการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ
โดยมองว่ามีความเสี่ยงที่จะคุมไม่อยู่
เพราะประโยคเดียวเลย คือ “เพราะเป็นสหรัฐฯ” อธิบายได้ว่า
สหรัฐฯเป็นประเทศที่สนใจกับสิทธิในความเป็นส่วนตัวมาก ที่เห็นคือ ไม่สามารถห้ามอะไรได้
ทำให้การคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องยากมากๆ ซึ่งตอนนี้(13 ก.ค. 63 )
สหรัฐฯมีจำนวนผู้ติดโควิด-19 มากถึง 3 ล้านราย แน่นอนว่าการระบาดของโควิด-19
ในสหรัฐฯที่กำลังเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
2. ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ
มองมีแนวโน้มอ่อนค่าเนื่องจาก 2563
เศรษฐกิจไทยโดนผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดการระบาดทั่วโลก
เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งการส่งออก และการท่องเที่ยวจากต่างชาติมากเกินไป
ทำให้ในปัจจุบันการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคู่ค้าของไทยอย่างมาก
และไทยยังขาดรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติอีก คำถามคือ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นเมื่อไหร่
เราขอตอบโดยบทความของ World Bank ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอาจใช้เวลา 2 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างมากทำให้คนตกงานกระจายไปทั่ว และกระทบต่อครัวเรือนชนชั้นกลาง และครัวเรือนที่ยากจน โดยธนาคารโลกประมาณการว่า กว่า 8.3 ล้านคน จะตกงานหรือสูญเสียรายได้จากวิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยตอนนี้ยังมีความเสี่ยงอีก 3 อย่าง
-
หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาระบาดทั่วโลกอีกครั้ว
จนต้องปิดประเทศอาจทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวมากกว่านี้
-
แนวโน้มสถานการณ์ของสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
-
NPL ของภาคธนาคาร
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้มองไทยเป็นแหล่งที่น่าลงทุน
และมีแนวโน้มที่เม็ดเงินของต่างชาติจะไหลออก
ทำให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า มีโอกาสส่งให้ราคาทองในประเทศแพงยิ่งขึ้น
3. ยารักษาโควิด-19
ในตอนนี้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแข่งขันกันพัฒนาและค้นคว้ายาต้านไวรัสรักษาไวรัสโควิด-19
ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 12.9 ล้านคนทั่วโลก
ถึงแม้ว่า ปัจจุบันจะมียาที่ได้รับอนุมัติแล้ว
ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งต่อโรคระบบทางเดินหายใจ
แต่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาไวรัสโควิด-19
คาดการณ์ว่ากว่าได้ยารักษาหรือยาต้านจะใช้เวลาอย่างน้อยกลางปี 2564
ทำให้นักลงทุนทองคำยังไม่ต้องกลัวกับประเด็นดังกล่าว
สรุปปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำในครึ่งปีหลัง
คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเรามอง Gold Spot อยู่ในแนวโน้ม
Sideway Up กรอบ
$1,720 -$1,900 และแนวโน้มทองคำแท่งเป็น Sideway Up กรอบ 25,000-27,500 บาท