คาดราคาทองคำโลก มีทิศทาง Sideway Down
นักลงทุนจะได้มุมมองการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่กระทบต่อราคาทองคำในเดือนพฤษภาคมปี
2565 ของ CAF โดยมีประเด็นที่เริ่มตั้งแต่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในเดือนพฤษภาคม
ตามมาด้วยสงครางระหว่างรัสเซีย – ยูเครน
รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ CAF วิเคราะห์แล้วว่ามีความสำคัญและอยากให้นักลงทุนควรติดตามในเดือนพฤษภาคม แบ่งเป็นของสหรัฐฯ ,ยุโรป ,อังกฤษ,และไทย ดังนี้
การประชุม FOMC ในวันที่
5 พฤษภาคม 2565
การ
ประชุม FOMC เป็นคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯที่มีหน้าที่ควบคุม
2 แนวทาง โดยแนวทางที่หนึ่งการควบคุมเชิงปริมาณ
มีจุดประสงค์ควบคุมปริมาณเงินและปริมาณสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย
และแนวทางที่สองการควบคุมเชิงคุณภาพเป็นการควบคุมสินเชื่อในบางภาคเศรษฐกิจเป็นกรณีพิเศษ
การประชุมรอบนี้มีโอกาสพบการขึ้นดอกเบี้ยกว่า
0.25% เนื่องจากนายเจอโรม พาวเวลล์
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมาย 2%
โดยมองว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเป็นเรื่องเหมาะสม และ FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
0.5% ในการประชุม FOMC เดือนพฤษภาคม
การขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ
ทำให้เราต้องวิเคราะห์ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐมากกว่าเป้าหมายมากขนาดนั้นเลย
คำตอบเงินเฟ้อของสหรัฐฯมากกว่าเป้าหมายของ FED ที่
2% มากๆ เพราะเงินเฟ้อเฉลี่ยของสหรัฐฯแตะ 8%
เนื่องจากปัจจัยอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้พลังงาน
สินค้าเกษตรและปุ๋ยเพิ่มขึ้น
ประกอบกับกำแพงภาษีสินค้าที่สหรัฐฯสร้างขึ้นในสมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงนโยบาย
QE ,การลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายการคลังที่เกิดขึ้นเพราะวิกฤตโควิด 19
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมานี้รวมกัน
สะท้อนผ่านอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2021
ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังดำเนินต่อไป เพราะรัสเซียบุกยูเครน
และยูเครนยังได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ทั้งทางการทหารและภาคการเงิน
กระทบต่อราคาพลังงาน สินค้าเกษตรและปุ๋ย ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยถึง
0.5% ของ FED จะส่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าและกดราคาทองคำได้รุนแรงมากกว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อนๆ
เพราะนับตั้งแต่ปี 2000 FED ยังไม่เคยขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียวมากกว่า
0.25% มาก่อน
สงครามรัสเซีย – ยูเครน
ผ่านมาแล้ว
9 สัปดาห์ที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน
แต่ที่สำคัญกับนักลงทุนทองคำ คือ จะใช้ประโยชน์ประเด็นนี้อย่างไร
เราต้องประเมินภาวะสงคราม เรามองว่ามี 2 ความเป็นไปได้ 1.สงครามดำเนินต่อ
หรือ2.สงครามกำลังจะจบด้วยการเจรจา
ทำไมถึงมองว่าเป็น 2
ทางนี้ เนื่องจากประเด็นยูเครน-รัสเซียมีทั้งการเดินหน้าทำสงครามพร้อมเดินเกมเจรจา
เพื่อทำให้รัสเซียและยูเครนหาประโยชน์ได้มากที่สุด หากรัสเซียโจมตีจุดสำคัญ
พร้อมกับการเจรจาจะทำให้ถึงเป้าหมายที่ง่ายกว่า การเดินเกมทางเดียวนั่นเอง
ความเป็นไปได้แรกสงครามดำเนินต่อ 70%
หากมองสถานการณ์ตอนนี้การสู้รบยังมีต่อล่าสุด ยูเครนได้ระเบิดคลังน้ำมันของรัสเซีย
มีโอกาสที่การรบจะขยายวงกว้างมากขึ้นประกอบกับการเจรจายูเครนยังไม่ยอมยกดินแดนสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์ให้รัสเซีย
และต้องจับตาผู้นำลูฮันสก์เตรียมจัดทำประชามติ จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่
ราคาทองคำจะบวกเป็นพักๆ บวกในช่วงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
ความเป็นไปได้สองสงครามกำลังจะจบด้วยการเจรจา 30%
เพราะทางยูเครนยอมไม่เข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยคงสถานะว่าจะไม่อยู่ในกลุ่ม
และละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธอื่นๆ ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
รวมไปถึงการให้คำมั่นว่าจะไม่ให้กองกำลังต่างชาติเข้ามารวมพลหรือตั้งฐานทัพในประเทศ
แต่ยูเครนยังไม่ยอมยกดินแดนสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์ให้รัสเซีย
ทั้งนี้รัสเซียพยายามให้สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์จัดทำประชามติ
จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย หากจบจากการเจรจาทองคำมีความเสี่ยงปรับลงแรงมาก
แต่เราจะวิเคราะห์แค่ 1.สงครามดำเนินต่อ
หรือ2.สงครามกำลังจะจบด้วยการเจรจา
ไม่ได้เพราะยังไม่ครบทุกปัจจัย
เราจึงวิเคราะห์มาตรการคว่ำบาตรที่ชาติตะวันตกร่วมด้วย โดยมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียมีดังนี้
ตัดรัสเซียออกจาก SWIFT โดยตัดธนาคาร
7 แห่งของรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ที่กระทบต่อภาคธุรกิจ
เพราะไม่สามารถรับเงินเมื่อส่งออกสินค้าและจ่ายเงินเมื่อนำเข้าสินค้าได้
ประกอบกับบริษัทเอกชนของชาติตะวันตกพากันถอนตัวจากรัสเซีย ประกอบกับสหรัฐฯและอังกฤษแบนน้ำมัน
ส่วน EU กำลังหาวิธีลดการใช้น้ำมันจากรัสเซีย
มีผลกระทบต่อราคาทองคำ ในรูปแบบอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
หาก EU ไม่สามารถหาน้ำมันทดแทนที่นำเข้าจากรัสเซีย
ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้นจากการผลิตน้ำมันลดลงจากการแบนของชาติตะวันตก
แต่แล้วราคาน้ำมันกลับไปหยุดแถว 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจาก EU
สามารถหาน้ำมันจากสหรัฐฯ และเริ่มทดแทนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
โดยสหรัฐฯมียอดการส่งน้ำมันแตะ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันดิบอาจขึ้นไปเกิน 105
ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มลดลง อัตราเงินเฟ้ออาจไม่เพิ่มขึ้นมากกว่า
นับเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
ส่วนมุมมองการทองคำทางเทคนิคเดือนพฤษภาคมปี 2565 มีทิศทาง Sideway Down โดยมีกรอบราคาที่ 1,845-1,990 ดอลาร์สหรัฐต่อออนซ์