THE GURU • CRYPTOCURRENCY

อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อรัฐอยากเข้าถึงความเป็นส่วนตัวในโลกคริปโทฯ?

บทความโดย: ชานน จรัสสุทธิกุล

ที่ผ่านมาเราน่าจะพบเจอข่าวจากหลากหลายสำนัก ที่ต่างพูดถึงการเข้ามาควบคุมและกำกับดูแลการทำธุรกรรมในอุตสาหกรรมคริปโทฯอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้หลายคนที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้าในความกระจายศูนย์ (Decentralized) ของคริปโทฯ รู้สึกกังวลและกังขาถึงความเป็นส่วนตัวของพวกเขาว่ากำลังถูกควบคุม คุกคามโดยตัวกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามหลีกหนีจากโลกเก่าเพื่อสร้างความเท่าเทียมและโปร่งใสในโลกใหม่แทนหรือเปล่า? หนึ่งในข่าวที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมาเป็นข่าวของรัฐสภาของสหภาพยุโรป (EU Parliament) ที่อนุมัติร่างข้อเสนอในการห้ามทำธุรกรรมคริปโทฯแบบไม่ระบุตัวตน หลังบังคับใช้กฎหมายให้ exchange ต้องส่งธุรกรรมที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 EUR ให้เจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันข้อมูล รวมถึงธุรกรรมขนาดเล็กมาก ๆ ก็จะต้องถูกตรวจสอบและบังคับให้ใส่ข้อมูลเพื่อยืนยันธุรกรรมต่อเจ้าหน้าที่ด้วย โดยก่อนหน้านี้ Brian Armstrong – CEO ของ Coinbase ได้แสดงความเห็นบนทวิตเตอร์ไว้ถึงความกังวลก่อนที่กฎนี้จะออก รวมถึงค่อนไปทางไม่เห็นด้วยอย่างมาก 

แล้วกฎหมายนี้มันน่ากังวลและส่งผลอะไรกับเราบ้างล่ะ? 

สิ่งที่น่ากังวลในระยะยาว ถ้ามองในมุมของรัฐแล้ว กฎหมายดังกล่าวช่วยส่งเสริมการควบคุม และป้องกันการเกิดธุรกรรมที่เข้าข่ายธุรกรรมที่ผิดกฏหมาย โดยเฉพาะเรื่องการฟอกเงิน อันเป็นผลดีต่อรัฐบาลอย่างชัดเจน แต่ในมุมของผู้ใช้งาน กฎหมายเหล่านี้สร้างความไม่เป็นธรรม และริดรอนสิทธิ์อันชอบธรรมในเรื่องความเป็นส่วนตัวอยู่อย่างมหาศาล เพราะรัฐสามารถสอดส่องพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไขได้ตลอดเวลา รวมถึงสามารถควบคุมกิจกรรมการเงินได้ทุกอย่างหากจำเป็น เช่น สมมุติเราเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และถูกตีตราเข้าข่ายเป็นกิจกรรมที่ผิดตามการตีความภายใต้กฎหมาย รัฐสามารถระงับการเข้าถึงสินทรัพย์ และการทำกิจกรรมทางการเงินของเราผ่านความร่วมมือจากหน่วยงาน และบริษัทที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกฎหมายดังกล่าวได้ทุกเมื่อ ซึ่งเราสามารถเห็นตัวอย่างเช่นนี้ได้ในประเทศจีนที่ใช้ AI ในการตรวจจับ และใช้ Social Score ควบคุมพฤติกรรม รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายใต้การดูแลของรัฐ แน่นอนว่าการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินก็ด้วย เรียกได้ว่าถึงมีเงินเป็นพันล้าน แต่เข้าถึงและใช้งานอะไรที่ไหนไม่ได้เลย ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับคนไม่มีเงินเลยครับ

กลับมาที่ตัวร่างข้อเสนอ ในตัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คือ ทาง Exchange จะเชื่อมต่อเข้ากับ Third-Party ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพื่อขอให้ผู้ใช้ยืนยันธุรกรรมที่เข้าเงื่อนไขทุกครั้ง เช่น A โอนคริปโทฯผ่าน Exchange ให้กับ B มูลค่า 1,000 EUR ไม่ว่าจะเป็นการโอนผ่านเครือข่าย Blockchain หรือใช้บริการอย่าง P2P ก็ตาม แพลตฟอร์ม Exchange จะส่งข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ผ่าน Third-Party แล้วบังคับให้ผู้ใช้ A และ B ยืนยันธุรกรรมนี้ทั้งตอนส่งและตอนรับ หากไม่ทำการยืนยันธุรกรรมดังกล่าวอาจถูกเรียกตรวจสอบ หรือไม่ก็ถูกปฎิเสธการทำธุรกรรมทันที เป็นต้น เท่านั้นยังไม่พอทั้ง A และ B ยังจะถูกตรวจสอบด้วยว่าธุรกรรมที่มีขนาดเล็กที่สุดอยู่ที่ประมาณไหน และหากเกิดธุรกรรมที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับธุรกรรมขนาดเล็กนั้น ก็จะส่งข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ และผู้ใช้จะถูกขอข้อมูลยืนยันด้วยเช่นกัน 

แม้ว่าผลกระทบดังกล่าว ตัวบทกฎหมายที่อาจจะถูกบังคับใช้ได้ในอนาคตจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด เพราะเราเห็นมาแล้วจากสิ่งที่เป็นอยู่ในระบบการปกครองปัจจุบัน การควบคุมต่าง ๆ เริ่มจากข้อกำหนดเล็ก ๆ เหล่านี้ทั้งนั้น การควบคุมที่เริ่มจากการควบคุมในเรื่องของเงินตรา คือ การควบคุมอำนาจและอิสระในการใช้จ่าย และเป็นไปได้ว่าข้อกำหนดนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของร่างข้อเสนอในเวอร์ชันต่อไปที่ข้อกำหนดต่าง ๆ อาจคุมเข้มกว่าเดิมเสียอีก เมื่อเป็นแบบนั้นจริง ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นสองทาง ทางแรกผู้คนจะโหยหาความเป็นส่วนตัว และอิสรภาพมากกว่าเดิม จนพยายามหาทางเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากแหล่งที่อื่นที่ไม่ใช่จาก Centralized Exchange หรือสถาบันทางการเงิน ส่วนอีกทางก็ถูกควบคุมแบบเดิม ทำให้พฤติกรรมที่ต่อต้านถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของการปฎิบัติตาม เพราะความกลัวว่าจะกระทำผิด และถูกลงโทษ ซึ่งจะกลายเป็นผลกระทบต่อการตัดสินใจ รวมถึงอาจสูญเสียเสรีภาพในการแสดงความเห็น หรือโต้แย้งต่อเหตุการณ์ต่างๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความเห็นของผมที่มีต่อร่างข้อเสนอตัวนี้เท่านั้น ผมยังมองว่าอุตสาหกรรมคริปโทฯหากได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง ก่อนการออกข้อกำหนดเพื่อการสอดส่อง จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นไปได้ในทิศทางที่ดีขึ้นกว่านี้ได้ 

เกี่ยวกับนักเขียน

ชานน จรัสสุทธิกุล ชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Forward Holdings, Forward - Decentralized Derivatives Exchange และ Forward Labs - Blockchain technology labs

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน