THE GURU • MONEY&US

หากมีการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง จะเกิดอะไรขึ้น?

บทความโดย: วรวรรณ ธาราภูมิ

                สถานการณ์ที่นักลงทุนจะต้องติดตามดูในระยะนี้ ได้แก่

                1. COVID-19 จะระบาดในบ้านเรารอบ 2 หรือไม่

                2. การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจภายใต้ ครม.ชุดใหม่ จะไปได้ดีหรือไม่ เพราะจนป่านนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านใดเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริง แม้จะมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีท่านจะเป็นเอง โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการทางเศรษฐกิจที่ตั้งขึ้นใหม่อีก 2-3 แห่ง

                3. SME จะรอดไหม และ NPL ของธนาคารต่างๆ จะเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน

                4. จำนวนคนว่างงานจะบานปลายไปอีกหรือไม่

                5. ความร้อนแรงในการชุมนุมทางการเมืองอันเกิดจากการชุมนุมของนักเรียน-นักศึกษา ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งมีการกระจายตัวออกในวงกว้าง ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะฝั่งรัฐบาลหรือฝั่งฝ่ายค้านก็ต้องการให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อด้วยการยุบสภา เลือกตั้งใหม่

                นอกเหนือจากนี้ก็คือ นโยบายต่างประเทศของประเทศมหาอำนาจ ที่จะส่งผลกระทบต่อบ้านเรา

ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่า นี่คือเศรษฐกิจเรือนแสน...แสนสาหัส

                แต่จะแสนสาหัสขนาดไหน รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ศาสตราภิชานแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ได้รับรางวัลเมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้ให้สัมภาษณ์แก่ WAY Magazine ความว่า ...

                ใครก็ตามที่เข้ามาบริหารเศรษฐกิจตอนนี้คือ “ซวย” ถ้าจัดการวิกฤติให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปีได้ ก็ถือว่าโชคดี แต่ผมคิดว่า เกิน 5 ปี แล้วถ้าเกิน 5 ปีเนี่ย เศรษฐกิจจะทรุดลงไปอีกมาก

                วิกฤติในปัจจุบันไม่ใช่วิกฤติที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจล้วนๆ ไม่ใช่วิกฤติที่เกิดจากคนว่างงานเยอะหรือเงินเฟ้อสูง แต่วิกฤติอันนี้พื้นฐานมาจากโรคระบาด ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ไม่เคยมีระบบการวิเคราะห์ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร 

                อ่านแล้วไม่ต้องจิตตก เพราะเป็นเรื่องจริงที่เราๆ ก็มองเห็นกันอยู่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้นอกจากเอาใจช่วยให้ทุกคนสามารถครองสติ หาหนทางให้ผ่านพ้นอาการ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระอาทิตย์แหก พระจันทร์ลา” ในครั้งนี้ไปได้โดยเสียหายน้อยที่สุด หรือไม่เสียหายเลย

                ทีนี้ลองมาดูสถิติผลกระทบของการชุมนุมประท้วงทางการเมืองกรณีเกิดขึ้นต่อเนื่อง และขยายตัวมากขึ้น ว่าจะกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างไรกันบ้าง

                เรื่องนี้ ฝ่ายวิจัย ASP ได้เปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต ช่วง 1 เดือนแรกของเหตุการณ์การชุมนุมสำคัญๆ ทั้งในช่วง .. 2551 มี.. 2553 และ .. 2556 ในมุมการเคลื่อนไหวของ SET Index, Fund Flow และค่าเงินบาทไว้ ดังนี้

               SET Index ตอบสนองเชิงลบปรับตัวลดลงเฉลี่ย 3.87% ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม และเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกทุกครั้ง

  • ปี 51 SET Index ลดลง 12.2%
  • ปี 53 เพิ่มขึ้น 4.2% (เป็นช่วงที่หลายประเทศทั่วโลกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อแก้ Hamburger Crisis ทำให้มีสภาพคล่องส่วนเกินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก)
  • ปี 56 ลดลง 4.2%

              ต่างชาติขายสุทธิเฉลี่ย -2.08 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม

  • ปี 51 ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย -4.2 หมื่นล้านบาท
  • ปี 53 ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคทุกประเทศ)
  • ปี 56 ต่างชาติขายสุทธิ -5.0 หมื่นล้านบาท

              เบี้ยประกันความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ไทย (CDS Spread 5 ปีเร่งตัวขึ้นทุกรอบที่มีการชุมนุม ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุมเฉลี่ยราว 25 bps.

               CDS : Credit Default Swap คือ เครื่องมือทางการเงินเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยง ส่วน CDS spread : คล้ายๆ เบี้ยประกัน โดยคิด % ของเงินกู้ จะมากหรือน้อย ขึ้นกับความเสี่ยงว่ามีโอกาสผิดนัดชำระหนี้, มาก/น้อย หากสูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้น

                 ค่าเงินบาทมักอ่อนค่าในช่วงเวลาต่อมาในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม

                ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นตัวกดดันต่างชาติชะลอการตัดสินใจลงทุน รวมถึงหากความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้มีการเร่งตัวสูงขึ้น กดดันให้ Fund Flow ยิ่งชะลอการไหลเข้า

                ฝ่ายวิจัย ASP สรุปว่า ที่ผ่านมานั้น นักลงทุนให้ความสำคัญเรื่องของผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่จะทำให้เศรษฐกิจอาจไม่สามารถดำเนินได้เต็มที่ ทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งส่งผลลบต่อดัชนีตลาดหุ้น Fund Flow ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้และค่าเงินบาท ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้น การชุมนุมในปัจจุบันถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ และกดดันเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย

เกี่ยวกับนักเขียน

วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง อดีตประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงิน การลงทุน

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน