THE GURU • CRYPTOCURRENCY

LUNA Effect..ขาลงอันยาวนานของคริปโตกำลังจะมา??

บทความโดย: นเรศ เหล่าพรรณราย

ปรากฎการณ์ความเสียหายของ Terra Chain ที่เกิดขึ้นทำให้มีนักลงทุนจำนวนมากขาดทุนจากเหรียญ LUNA และ UST โดยมีการประเมินมูลค่าความเสียหายแตะหลักแสนล้านบาท ผลต่อเนื่องจากความเสียหายดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบไปต่อตลาดคริปโตในภาพรวม ชนิดที่จะทำให้เข้าสู่ภาวะขาลงเต็มรูปแบบหรือ Crypto Winter อีกครั้ง

            เดิมทีปัจจัยที่ทำให้ตลาดคริปโตเป็นขาลงมีเพียงแค่นโยบายการเงินของ FED ที่ส่งผลต่อสภาพคล่องในระบบเท่านั้น แต่การที่มีประเด็นเรื่องของ Terra Chain ล่มสลายเข้ามาอาจทำให้ตลาดขาลงยาวนานกว่านั้น

            จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน DeFi เป็นอย่างมากและอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับฟองสบู่ ICO แตกในช่วงปี 2018-2019 ทำให้ตลาดเป็นขาลงยาวนานถึงสองปี

            ที่ผ่านมานวัตรกรรมในวงการคริปโตที่เกิดขึ้นก็ล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็น Toxic Liquidity ใน DeFi การ Rug Pool ใน GameFi ตลอดจน Fake Yield ฯลฯ ยังไม่ทันที่จุดอ่อนเหล่านี้จะได้รับการปิดก็มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีก

            ประเมินว่าหากปัจจัยลบของตลาดคริปโตถูกจำกัดแค่นโยบายการเงินที่เคร่งครัดของ FED ราคา Bitcoin มีโอกาสที่จะยืนเหนือระดับ 25,000 ดอลลาร์ ได้และน่าจะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้ 

            แต่ถ้าเร็วๆนี้เกิดปัญหาเดียวกับ LUNA และ UST ขึ้นอีก น่าจะกดดันให้ราคา Bitcoin เป็นขาลงต่อเนื่องโดยอาจกินเวลาไปจนถึงปีหน้าจนกว่าตลาดจะมีแรงกระตุ้นเชิงบวกใหม่ๆเข้ามาที่แรงพอจะดันตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น อย่างเช่น นโยบายการกำกับดูแลคริปโตของชาติต่างๆที่ไม่เคร่งครัดจนเกินไปหรือมีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้น

            ส่วนระเบิดลูกใหญ่ที่ยังไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ก็คือ Stablecoins อื่นๆไม่ว่าจะเป็น USDT ที่มีประเด็นสงสัยเรื่องสินทรัพย์หนุนหลังมานานแล้วรวมถึงความโปร่งใสภายในของเหรียญอื่นๆ แม้แต่เหรียญ USDC และ BUSD ซึ่งได้รับการตรวจสอบจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ 

            หากเกิดความไม่เชื่อมั่นใน Stablecoins เกิดขึ้นอาจเกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ในตลาดได้เนื่องจาก Stablecoins ถูกนำมาใช้เป็นคู่เทรดกับ Cryptocurrency แทบจะทั้งตลาด และถ้าความจริงถูกเปิดเผยออกมาว่า Stablecoins ที่ใช้เทรดอยู่นั้นไม่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลังหรือมีในสัดส่วนที่น้อย ตลาดน่าจะ Crash ได้ชนิดที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้เลยทีเดียว และน่าจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นกลับมาได้

            อย่างไรก็ตามทุกวิกฤติเมื่อผ่านพ้นไปจะนำมาสู่สิ่งที่ดีขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น DeFi,GameFi หรือ NFT ที่เกิดขึ้นและเติบโตในช่วงหลังฟองสบู่ ICO แตกนักพัฒนาเหล่านี้ใช้เวลาที่ตลาดอยู่ในภาวะขาลงโฟกัสกับการสร้างนวัตรกรรมใหม่จนเป็นส่วนผลักดันให้ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้เพิ่งมาสร้างตอนที่ตลาดเป็นขาขึ้นแล้ว

            ได้แต่คาดหวังว่าวงการคริปโตจะเกิดนวัตรกรรมใหม่ที่ช่วยให้ตลาดกลับมาพบกับแสงสว่างอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น DeFi2.0 ที่ปิดจุดอ่อนของ DeFi ในเวอร์ชั่นแรกหรือ GameFi 2.0 ที่มีความระบบ Tokenomic ที่ยั่งยืน หรือจะเป็น Web3.0 ที่จะเข้ามาปฎิวัติวงการอินเทอร์เนต

            วงการคริปโตยังไม่ถึงกับสิ้นหวังและจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น ตลาดหุ้นมีอายุกว่า 400 ปีแล้ว ผ่านวิกฤติและความผิดพลาดมามากมาย ถึงเวลานี้ก็ยังคงมีข้อผิดพลาดให้ต้องตามแก้ไขตลอดเวลา ส่วนตลาดคริปโตที่มีอายุเพียงแค่ 10 ปี ยังเป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้น เรายังต้องให้เวลากับเด็กคนนี้เรียนรู้ความผิดพลาดและเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในอนาคต


เกี่ยวกับนักเขียน

นเรศ เหล่าพรรณราย ซีอีโอ Ricco Wealth,เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย Co-Founders SCN Media Pte.Ltd ฟินเทคด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ / คอลัมนิสต์ด้านฟินเทคและวิทยากรด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน