THE GURU • CRYPTOCURRENCY

ทำไม Bitkub Coin คือ Coin ไม่ใช่ Token?

บทความโดย: จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล คำที่ได้ยินบ่อยๆ ต้องมีคำว่า เหรียญ” (Coin) และ โทเคน” (Token) อยู่ด้วยอย่างแน่นอน มองผิวเผินทั้ง 2 คำดูไม่มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก แต่แท้จริงแล้วทั้ง 2 คำต่างใช้ในการแยกประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจน


เช่นเดียวกันกับ Bitkub Coin (KUB) ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ จัดอยู่ในประเภท “Coin” ในขณะเดียวกัน Fans Token หรือ FANS ที่สร้างขึ้นบน Bitkub Chain จัดอยู่ในประเภท “Token” ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับความหมายของ Coin และ Token ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร พร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น

 

Coin คืออะไร


Coin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเครือข่าย บล็อกเชนเป็นของตัวเอง ซึ่งแต่ละบล็อกเชนก็จะมีขนาด มีเทคโนโลยี และใช้กฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin อยู่บนบล็อกเชน Bitcoin, Ether อยู่บนบล็อกเชน Ethereum, Bitkub Coin อยู่บนบล็อกเชน Bitkub Chain โดยข้อสังเกตง่ายๆ คือ สินทรัพย์ที่จัดอยู่ประเภท Coin มักจะทำงานบนบล็อกเชนที่มีชื่อเหมือนหรือใกล้เคียงกัน

 

หน้าที่ของ Coin


ประโยชน์ของ Coin อย่างแรกคือ การใช้ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน สินค้าหรือบริการ (Medium of Exchange) ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมา รวมถึงใช้ เป็นรางวัลในการขุด หรือสร้างบล็อก 


ต่อมา เมื่อ Ethereum ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับ Smart contract ทำให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีบล็อกเชนขึ้นไปอีกขั้น เกิดเป็นแอปพลิเคชั่นทางการเงินต่างๆ หรือที่เรียกว่า Decentralized Finance (DeFi) เหรียญ Ether ของ Ethereum รวมถึงเหรียญของบล็อกเชนรุ่นใหม่ๆ จึงถูก ใช้เป็นค่าธรรมเนียมเครือข่าย หรือ Gas fee เพื่อให้ Smart contract หรือแอปพลิเคชั่น สามารถทำทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น รวมถึงยัง ใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการสร้างและโอนสินทรัพย์ประเภท Token ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ด้วยเช่นกัน


Token คืออะไร?


Token หมายถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ ไม่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง มักจะสร้างขึ้นผ่านการใช้ Smart contract บนเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ แต่ Token มักจะถูกเรียกเหมารวมเป็นเหรียญดิจิทัล ทำให้เกิดความสับสนได้บ้าง โดยตัวอย่างของ Token ได้แก่ Uniswap (UNI) ที่สร้างขึ้นบล็อกเชน Ethereum, Maker (MKR) ที่สร้างขึ้นบล็อกเชน Ethereum, Fans Token (FANS) ที่สร้างขึ้นบน Bitkub Chain


การจะสร้าง Token นอกจากต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Smart contract ในระดับหนึ่ง ผู้สร้าง Token ต้องนำ Coin ของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ มาจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมเพื่อให้เครือข่ายรับรอง เช่น ถ้าจะสร้าง Token บน Ethereum ก็ต้องนำ Ether มาจ่าย หรือถ้าจะสร้างบน Bitkub Chain ก็ต้องนำ Bitkub Coin มาจ่าย เป็นต้น ซึ่งจำนวนเหรียญที่ต้องจ่ายจะแตกต่างกันไปตามขนาดหรือกฎเกณฑ์ของแต่ละเครือข่าย บางครั้งก็อาจขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของ Smart Contract ด้วยเช่นกัน 


นอกจากนี้ แต่ละบล็อกเชนจะมีมาตรฐานที่ใช้ในการสร้าง Token เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับระบบนิเวศของบล็อกเชนนั้นๆ ได้ เช่น ERC-20 ที่เป็นมาตรฐานของ Ethereum หรือ KAP-20 ที่เป็นมาตรฐานของ Bitkub Chain เป็นต้น 

 

หน้าที่ของ Token


เนื่องจาก Token ถูกสร้างขึ้นจาก Smart contract ทำให้มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายขึ้นอยู่กับ Smart contract หรือแอปพลิเคชั่นนั้นๆ โดยตัวอย่างการใช้งานมีดังนี้


          1. Utility tokens - Token ที่มอบสิทธิ์ให้ผู้ถือสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของแอปพลิเคชั่น เช่น ALPHA ที่ทำให้ผู้ถือสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของ Alpha Finance Lab


          2. Asset tokens - Token ที่ใช้แทนมูลค่าของสินทรัพย์กายภาพ (Physical) เช่น อสังหาริมทรัพย์ทองคำ ฯลฯ ยกตัวอย่าง Digix Gold Token (DGX) ที่ใช้แทนทองคำแท่ง 


         3. Stablecoins - Token ที่มีมูลค่าคงที่ผ่านการนำมูลค่าไปผูกกับสกุลเงินประเภท Fiat currency เช่น USDT ที่ผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ


          4. Governance token – Token ที่มอบสิทธิ์ให้ผู้ถือมีส่วนร่วมกับการพัฒนาหรือปรับปรุงแอปพลิเคชั่นบนบล็อกเชน


          5. Security tokens - Token ที่ใช้แทนหลักฐานการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง เช่น หุ้นของบริษัท กองทุนรวม ฯลฯ


          6. Payment tokens - Token ที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการที่อยู่บนระบบนิเวศของแอปพลิเคชั่นนั้นๆ


          7Non-fungible tokens หรือ NFTs - Token ที่ใช้แทนสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะ ทั้งแบบดิจิทัลและแบบกายภาพ โดย NFTsสามารถครอบคลุมได้หลายอย่าง ตั้งแต่ ของสะสม ผลงานศิลปะ ดนตรี เป็นต้น


ทั้งนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเฉพาะ Smart contract ยังเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ Token ที่กล่าวมาอาจไม่ใช่ตัวอย่างที่ครอบคลุมทั้งหมด ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการใช้รูปแบบใหม่ ขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป 



 

สรุป


Coin และ Token แม้จะดูคล้ายกัน แต่มีความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 


Coin หมายถึง สินทรัพย์ดิจิทัลที่ มีเครือข่ายบล็อกเชนเป็นของตัวเอง มีหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมถึงใช้เป็นค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายเพื่อสร้างแอปพลิเคชั่นและ Token และทำให้แอปพลิเคชั่นสามารถทำงานร่วมกันได้


Token หมายถึง สินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน แต่ ไม่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง มักเกิดขึ้นพร้อมกับแอปพลิเคชั่นบนบล็อกเชน หน้าที่ของ Token จึงค่อนข้างหลากหลายตามวัตถุประสงค์ของแอปพลิเคชั่นนั้นๆ โดยอาจมีหน้าที่ตั้งแต่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ มอบสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการต่างๆ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับการพัฒนาเครือข่าย เป็นต้น

เกี่ยวกับนักเขียน

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตฯ เทคโนโลยีบล็อกเชน

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน