People : กฤช ปัทมวิชัยพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บลจ.วรรณ จำกัด
กฤช
ปัทมวิชัยพร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ
บลจ.วรรณ จำกัด
สร้างคน
สร้างงาน สร้างรอยยิ้ม สร้างความสำเร็จ
ผู้ที่ทำงานในสายงานสนับสนุน
หรือแบ๊กออฟฟิศ (Back
Office) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหรือ บลจ.นั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าการทำข้อมูลให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ต้องอาศัยความละเอียดในการทำงานเป็นอย่างมาก
เพราะชุดข้อมูลที่ถูกต้องจะสร้างความเชื่อมั่นและความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับนักลงทุน
ดังนั้นการบริหารงานในส่วนของแบ๊กออฟฟิศจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้
กฤช
ปัทมวิชัยพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
(บลจ.) วรรณ จำกัด คือ ผู้ที่มีประสบการณ์ในส่วนของ Back Office เกือบทั้งชีวิตการทำงาน
ผ่านประสบการณ์ตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่จนถึงระดับผู้บริหาร มาร่วมงานกับบลจ.วรรณ
เมื่อ 3 เดือนก่อน ด้วยเหตุผลสั้นๆประโยคเดียวว่า
ต้องการความท้าท้ายในช่วงโค้งสุดท้ายของอายุการทำงาน
บทบาทของ กฤช ที่บลจ.วรรณ
จะดูแลสายงานสนับสนุนทั้งหมด โดยมีทีมงานที่รับผิดชอบ ประมาณ 40 คน
เรียกได้ว่าเป็นทีมกองหนุนให้กับทัพหน้าหรือ Front Office เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย
ประสบการณ์สายงานสนับสนุน
ในธุรกิจกองทุนรวม
กว่า 30 ปี
เมื่อฟังกฤชเล่าประวัติการทำงาน
ก็ทำให้ได้ข้อสรุปว่า “เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...สายงานสนับสนุน“ โดยตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยในปี
2531 กฤชก็เข้าทำงานในบลจ.แรกของประเทศไทยคือ
บลจ.เอ็มเอฟซีในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับบัญชีกองทุนรวม
เรียกได้ว่าอยู่ในสายงานแบ๊กออฟฟิศมาตั้งแต่ต้น
แม้จะมีช่วงเวลาสั้นๆ หรือประมาณ 2 ปี
กฤชได้ออกนอกเส้นทางสายงานสนับสนุนเพื่อหาประสบการณ์ในสายงานนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
แต่สุดท้ายก็วกกลับมาทำงานสายงานสนับสนุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งกฤชบอกว่า บลจ.วรรณคือ เป้าหมายสูงสุดในชีวิตการทำงาน
ตลอดระยะเวลาที่ทำงานในอุตสาหกรรมกองทุนรวม
กฤชยังได้มีส่วนร่วมกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) ในการออกแนวปฏิบัติต่างๆ
ไม่ว่าเป็นแนวปฏิบัติทางบัญชีและหลักเกณฑ์ต่างๆ
รวมทั้งเคยมีส่วนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ในฐานะตัวแทนอุตสาหกรรมกองทุนรวมเพื่อร่วมกำหนดหลักเกณฑ์มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
(NAV) กองทุนในช่วงปี 2535
จากคนสู่ระบบ
จากระบบสู่คน
สะท้อนผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
กฤชได้กล่าวถึงหลักในการทำให้นักลงทุนมั่นใจในบลจ.วรรณ
ว่า คือเรื่องความถูกต้องของข้อมูลและผลตอบแทนที่จะมอบให้แก่นักลงทุน
อีกทั้งต้องเป็นผลตอบแทนที่นักลงทุนพอใจด้วย สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม
และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือนักลงทุนย่อมต้องการความสะดวกสบายในการซื้อ-ขาย ต้องง่าย
ไม่ซับซ้อนและไม่ยุ่งยาก แต่ต้องปลอดภัย ข้อมูลถูกต้องไม่รั่วไหล นั่นคือ
ภาระและหน้าที่ที่เขาต้องทำให้ได้
“องค์กรจะไปถึงเป้าหมายได้ต้องพัฒนา
2 เรื่องพร้อมกันคือ บุคลากร และระบบ
โดยคนเป็นผู้สร้างระบบในขณะเดียวกันระบบก็สร้างคนถ้าคนไม่มีประสิทธิภาพและศักยภาพที่ดีตั้งแต่แรกก็ไม่สามารถสร้างระบบที่ดีได้
ดังนั้นเป้าหมายที่ต้องทำคือ ดึงศักยภาพของคนออกมาให้มากที่สุด
และพัฒนาระบบไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติงาน ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชั่น ต่างๆ
ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และยุคสมัย
เพื่อสะท้อนไปยังผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนทุกคน”
หลักในการบริหารงานของกฤช
จะให้ความสำคัญกับคนด้วยการส่งเสริมให้บุคลากรหาความรู้ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น
ในปี 2562 ที่มีการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่บุคลากรพึงรู้
นอกจากนั้น ต้องฝึกให้กล้าแสดงออก สามารถนำเสนอสิ่งที่คิดได้อย่างอิสระ
ส่วนผู้บริหารต้องรับฟังความคิดเห็น ต้องเปิดใจกว้าง
เพราะในบางครั้งความคิดของผู้ใต้บังคับบัญชาอาจมีเรื่องที่คาดไม่ถึง
ดังนั้นถ้าบุคลากรกล้าแสดงออกก็จะสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
และมีความสุขในการทำงาน
นอกจากการส่งเสริมเรื่องความรู้แล้วบรรยากาศในการทำงานก็เป็นเรื่องสำคัญ
ดังนั้นบรรยากาศในที่ทำงานต้องสร้างให้ทุกคนมีความรู้สึกอยากมาทำงาน
มีความสุขกับงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน
วัฒนธรรมองค์กร
ทุกอย่างต้องทำให้คนในองค์กรมีความรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้
“การให้ความสำคัญกับทีมงาน
จะทำให้เขาทำงานอย่างเต็มที่ การให้ความสำคัญในที่นี้คือการให้อำนาจ หน้าที่
และความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ต้องเคารพความคิดเห็นของทุกคน
และไม่ก้าวก่ายเแต่คอยแนะนำ ทำให้เขารู้สึกว่าทำงานอย่างมีคุณค่า
นอกจากนี้ต้องตอบแทนในความทุ่มเท ไม่ใช่แค่เรื่องเงินแต่ ต้องตอบแทนเรื่องใจด้วย
เช่น การให้ความรัก การดูแล ห่วงใย และใส่ใจเหมือนพี่น้องในครอบครัว”
ในส่วนของระบบ
ไม่ว่าจะเป็นระบบงาน ตลอดจนขั้นตอนการทำงาน กฤชกล่าวว่า โปรแกรมที่ใช้
บลจ.วรรณมีระบบที่มีพื้นฐานดีตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
คือทำอย่างไรให้ตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนให้มากที่สุด
ซึ่งในปัจจุบันนักลงทุนต้องการความสะดวกสบาย เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก
ดังนั้นระบบเดิมที่มีอยู่ต้องพิจารณาว่าสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้หรือไม่
“การพัฒนาระบบที่ดีต้องมีความถูกต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ และทุกระบบที่ทำจะต้องมีการถ่วงดุลกัน เช่น เมื่อทำแล้วก็ต้องมีการตรวจสอบควบคู่กันไป เพราะถ้ามีการตรวจสอบอยู่เสมอโอกาสเกิดความผิดพลาดก็น้อย นอกจากนี้ เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็ต้องให้ความสำคัญ ต้องมีมาตรการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางดิจิทัลเพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ”
นอกจากนี้
ระบบที่อยู่บนดิจิทัล แอปพลิเคชั่น ซอฟต์แวร์ต่างๆ ต้องมีการปรับเช่นกัน
ในอดีตนักลงทุนเมื่อต้องการซื้อกองทุนต้องติดต่อธนาคารหรือมาที่บลจ.เองซึ่งในปัจจุบันไม่ต้องแล้ว
เพราะมีการเปิดบัญชีออนไลน์
การรับส่งข้อมูลหลายเรื่องในปัจจุบันถูกทำบนแพลตฟอร์มดิจิทัลและในอนาคตจะมีการตรวจสอบยืนยันตัวจนในระบบดิจิทัลหรือ
NDID ดังนั้น
การพัฒนาเรื่องดิจิทัลจึงต้องพร้อมที่จะรองรับข้อมูลมหาศาลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นในอนาคตบลจ.ต่างๆจะเริ่มแข่งขันกันเรื่องการพัฒนาความสะดวกสบายของระบบมากขึ้น
“ละเอียด-รอบคอบ”
ตั้งเป็นกรอบแห่งความสำเร็จ
ย้อนกลับไปในช่วงแรกของการทำงาน
กฤชได้เล่าถึงประสบการณ์ในช่วงนั้นว่า
การนำราคาเปิดราคาปิดของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ
เวลานั้นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนในปัจจุบัน
ดังนั้นต้องฟังจากวิทยุและจดข้อมูล
“สมัยก่อนมีหุ้นแค่ไม่กี่สิบตัวก็พอจดได้
จากนั้นนำข้อมูลมาคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) กองทุน
เพราะฉะนั้นการจะออกกองทุน 1 กองในสมัยนั้นต้องใช้คนดูแลอย่างน้อย 4
คน เพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ยุคปัจจุบันหนึ่งคน สามารถคำนวณ NAV กองทุนได้มากถึง 10-20 กอง”
จากประสบการณ์ในจุดนี้ทำให้กฤชเป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน
เอาใจใส่ทุกข้อมูลอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น
อุตสาหกรรมกองทุนรวมก็เติบโตขึ้น
และในอนาคตอันใกล้แม้ในโลกดิจิทัลจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันก็ตามแต่การดูแลระบบต่างๆก็ยังคงต้องใช้คนและต้องมีความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบข้อมูลเช่นเดิม
“งานหลังบ้านเป็นงานที่ต้องทำข้อมูล
สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้น
ข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินของผู้ถือหน่วยลงทุน
ฉะนั้นความเชื่อมั่นของลูกค้าจะมาจากข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งต้องรับผิดชอบในความถูกต้องของข้อมูลนั้น”
สำหรับความผิดพลาดในการทำงาน
ในมุมองของกฤช
เขาบอกว่าสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะการทำงานทุกอย่างมีพื้นฐานมาจากคน
แม้จะเป็นคอมพิวเตอร์ก็มีโอกาสผิดพลาดได้เช่นกัน
ดังนั้นสามารถทำงานผิดได้เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำงานผิดตั้งแต่ต้น แต่เมื่อผิดแล้วต้องรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองและพร้อมที่จะแก้ไข
“เมื่อทีมทำงานผิดพลาด
ผมจะไม่ต่อว่า เพราะคนเราผิดได้ ไม่มีใครอยากทำงานผิด
แต่จะแนะแนวทางการแก้ไขและการที่ลูกน้องสารภาพผิดก็เท่ากับว่าเขารับผิดแล้ว
ในฐานะผู้บังคับบัญชาจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปซ้ำเติม”
ด้วยระยะเวลากว่า
30
ปีทำให้กฤชได้ก้าวขึ้นสู่เป้าหมายสุดท้ายในชีวิตการทำงานโดยการยึดมั่นจากทั้งแนวคิดการทำงานที่เน้นในเรื่องของความถูกต้องครบถ้วน
อีกทั้งยังมีทัศนคติในการบริหารที่เป็นที่รักของบุคลากรภายในองค์กรมาตลอดจึงทำให้นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าทุกงานที่ผ่านมือของกฤชนั้นผ่านความตั้งใจในการทำงานมาอย่างเต็มที่เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด
เป้าหมายสุดท้ายในการทำงานที่บลจ.วรรณของกฤชคือทำให้ระบบดี
คนมีความสุข
ใช้ความสามารถอย่างสุดความสามารถพอเอ่ยถึงบลจ.วรรณก็มีแต่คนอยากมาร่วมงานด้วย
บุคลากรก็มีความสุข ได้ผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของสวัสดิการและจิตใจ
หากนักลงทุนพอใจกับผลการดำเนินงานของบลจ.วรรณ
เท่ากับตัวเขาเองได้บรรลุเป้าหมายในการทำงาน
สุดท้ายนี้
กฤชได้ฝากถึงผู้ที่สนใจทำงานในสายงานสนับสนุน หรือแบ๊กออฟฟิศว่า
ต้องรู้ศักยภาพตัวเองว่ามีความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานหรือไม่
และอีกเรื่องที่สำคัญคือบุคลิกภาพและอุปนิสัย
เพราะสายงานดังกล่าวเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง
เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางจึงเป็นงานที่มีความท้าทายสูง
ติดตามคอลัมน์
People ได้ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนตุลาคม 2563 ฉบับที่ 462
บนแผงหนังสือชั้นนำทั้่วประเทศและในรูปแบบดิจิทัล : https://goo.gl/U6OnIi
หรือช้อปออนไลน์ที่
Shopee : https://shopee.co.th/shop/92758388/search?shopCollection=28050983