People : พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล
พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนาประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แตกไลน์ธุรกิจอย่างรอบคอบหนุนรายได้เติบโตแข็งแกร่ง
บมจ.กรังด์ปรีซ์
อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) หรือที่รู้จักกันดีในฐานะผู้จัดงาน “Bangkok
Intornational Motor Show” งานมหกรรมการแสดงยานยนต์ระดับประเทศ
เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2560 ด้วย 3
ธุรกิจหลัก ได้แก่
ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์, ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์
และธุรกิจรับจ้างพิมพ์
ล่าสุดได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ
“โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ” จากการนำทีมโดย พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้มองเห็นโอกาสจากแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
รวมถึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม
เริ่มต้นจากความชอบ
บริหารอย่างประนีประนอม
พีระพงศ์เล่าว่า
ก่อนที่จะเข้ามาบริหารธุรกิจสื่อและการจัดงานแสดงยานยนต์มีจุดเริ่มต้นมาจากการชื่นชอบการตกแต่งรถในสมัยที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
จึงได้มีโอกาสเขียนคอลัมน์แต่งรถในนิตยสารกรังด์ปรีซ์
หลังจากนั้นก็ทดลองจำหน่ายด้วยการแยกเป็นเล่มเล็กๆ แนบไปกับนิตยสารกรังด์ปรีซ์
ก่อนจะเปิดนิตยสารอีกฉบับหนึ่งที่มีชื่อว่า XO
Autosport เป็นนิตยสารที่เน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการแต่งรถ
โดยจุดเด่นของนิตยสารเล่มนี้อยู่ที่สำนักแต่งรถที่มีชื่อเสียงจำนวนมากให้คำแนะนำการใช้งานอุปกรณ์เพื่อเพิ่มสมรรถนะรถที่ถูกต้อง
เติมเกร็ดความรู้ต่างๆ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้คนแต่งรถ
จึงทำให้ได้เริ่มดูแลธุรกิจตั้งแต่เด็กและมีทักษะที่หลากหลาย
เพราะมีโอกาสทำงานในหลายแผนก อาทิ แผนกงานเขียน งานถ่ายภาพ ดูดีไซน์ต่างๆ
ของแผนกอาร์ตเวิร์ก รวมถึงงานในแผนกการเงิน-การบัญชี จัดซื้อ ธุรการ และแผนกทรัพยากรบุคคล
(HR) ซึ่งใช้เวลานานกว่า
10 ปี
“การเรียนรู้งานหลากหลายแผนกในอดีต
ส่งผลให้สไตล์การบริหารของเราค่อนข้างประนีประนอม
เพราะเรารู้ว่าแต่ละแผนกมีบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน
เราจึงพยายามให้แต่ละแผนกทำงานอย่างประสานกันและเข้าใจซึ่งกันและกัน”
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่
1. ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด
2. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ และ
3. ธุรกิจรับจ้างพิมพ์ โดยในส่วนของธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
บริษัทเป็นผู้จัดงาน
Bangkok International Motor Show หรือมอเตอร์โชว์ ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ ยนตกรรมรถยนต์
รถจักรยานยนต์ เทคโนโลยี เครื่องเสียงรถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เป็นต้น และงาน Bangkok Used Car Show เป็นงานแสดงและจัดจำหน่ายรถยนต์มือสอง
นอกจากนี้
บริษัทก็เป็นผู้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งที่เป็นกิจกรรมของบริษัทเอง เช่น
การจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ (Motor Show) รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้กับบริษัทยานยนต์ชั้นนำเกือบทุกค่าย
เช่น กิจกรรมทดสอบสมรรถนะของยานยนต์ เป็นต้น
สำหรับงาน Bangkok International Motor Show จัดขึ้นทุกปีในประเทศไทย และล่าสุด บริษัทมีศักยภาพจัดงานมอเตอร์โชว์ในต่างประเทศด้วย โดยมีชื่องานว่า Yangon Motor Show ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเมียนมา จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ทั้งนี้ งานมอเตอร์โชว์ในเมียนมายังอยู่ในจุดเริ่มต้น จึงอยากจะเน้นส่งเสริมให้งานนี้เติบโตตามแผนก่อน ทำให้ยังไม่มีแผนที่จะขยายการจัดงานในต่างประเทศในประเทศอื่น
พีระพงศ์กล่าวว่า
จุดเด่นของงานมอเตอร์โชว์คือ เรามีมาตรฐานในการจัดงาน
พร้อมที่จะเอื้ออำนวยและสร้างประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
รวมถึงมีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างแน่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทที่ร่วมออกงานมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จจากการเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์
สำหรับปีนี้
งานมอเตอร์โชว์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
จนทำให้เลื่อนงานแสดงออกไป ทั้งนี้ เรามองว่า
คนจะเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่กับสถานการณ์นี้อย่างระมัดระวัง
เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
ส่งผลให้รูปแบบการจัดงานอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
โดยรถที่นำมาโชว์อาจจะน้อยลง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างในการชมงานมากขึ้น ตามแนวทาง Social Distancing การทดลองรถอาจจะมีขั้นตอนการทำความสะอาดมากขึ้น
หรืออาจจะเห็นแฟชั่นชุดใหม่ๆ ของพรีเซ็นเตอร์รถ
อย่างไรก็ตาม
หากพูดถึงการจัดแสดงงานออนไลน์
คงพูดได้ว่าไม่สามารถทดแทนงานมอเตอร์โชว์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เนื่องจากงานมอเตอร์โชว์ของบริษัทไม่เพียงแต่โชว์ยานยนต์ใหม่เท่านั้น
แต่รวมถึงงานที่สร้างประสบการณ์ต่างๆ ให้ลูกค้าด้วย เช่น งานขาย งานแสดงรถหายาก
งานแสดงของเหล่าสาวๆ ส่งเสริมการขาย เป็นต้น งานมอเตอร์โชว์
จึงถือได้ว่าเป็นกิจกรรมครอบครัวอย่างหนึ่ง
ซึ่งเราก็พยายามใส่รูปแบบประสบการณ์อย่างอื่นเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน
บริษัทมีธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์
อุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ตกแต่ง นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
นิตยสารกรังด์ปรีซ์ นิตยสารออฟโรด นิตยสาร XO
Autosport รวมถึงนิตยสารเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่น
นิตยสารการาจไลฟ์ เป็นต้น
ปัจจุบันเตรียมขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
ด้วยการจัดทำแอปพลิเคชั่น Car Buddy เพื่อเป็นตัวช่วยหาอู่ซ่อมรถประเภทต่างๆ นอกจากนี้
บริษัทก็ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ด้วย
โดยเป็นผู้รับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ
แบบครบวงจรให้แก่บริษัทอื่น
ทั้งนี้
ได้มีการต่อยอดธุรกิจด้วยการจัดเก็บข้อมูล
เพื่อนำมาพัฒนาการจัดการงานให้มีระบบมากขึ้น รวมถึงพัฒนางานและบริการใหม่ๆ
ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้
ก็พยายามใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์อย่างประสานกัน เพื่อให้ทั้ง 2
แพลตฟอร์มเสริมกันและกันและเกิดประโยชน์สูงสุด
“ยังเชื่อว่าธุรกิจเรายังไปต่อได้ จึงพยายามต่อยอดงานแสดงสินค้าของเราด้วยการเพิ่มกิจกรรมรูปแบบอื่นที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า และพัฒนางานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันก็มองหาธุรกิจใหม่ที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ เราคาดว่าธุรกิจเดิมกับธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้ประสานกัน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว”
ขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจใหม่
หนุนรายได้เติบโตเพิ่ม
พีระพงศ์เล่าต่อว่า
ล่าสุด บริษัทแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท
ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน
25.45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของทรูเอ็นเนอร์จี
ด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 250 ล้านบาท
เพื่อลดการพึ่งพารายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
และเล็งเห็นโอกาสจากแนวโน้มการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น
รวมถึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณขยะด้วย
ปัจจุบัน
โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีความคืบหน้าการก่อสร้างกว่า 95%
คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (Commercial
Operation Date) ภายในไตรมาส 3/2563
โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า
(Adder) ในอัตรา
3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา
7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า
หลังจากนั้นราคารับซื้อจะเป็นตามราคารับซื้อพื้นฐานและนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
การเข้าลงทุนครั้งนี้นับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ของบริษัทหลังจากได้พิจารณาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่างๆ
มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ทั้งสิ้นปีละประมาณ 400 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาคืนทุน 5
ปี ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างผลการดำเนินงานในอนาคต
นอกจากนี้
บริษัทกำลังรุกเข้าสู่ธุรกิจจัดการแข่งขันเกมส์มอเตอร์สปอร์ตทางออนไลน์ผ่านระบบ Live Streaming (Digital Motor Sport) ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต
โดยมี COVID-19
และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นตัวเร่งให้การแข่งขันได้รับความนิยมจากคนดูเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พีระพงศ์เล่าต่อว่า
ปัจจัยที่บริษัทตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะมองว่าโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนและมีความสม่ำเสมอในระยะยาว
ประกอบกับทรูเอ็นเนอร์จีเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า
จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังใช้เชื้อเพลิงที่มาจากการแปรรูปขยะชุมชน
เป็นการช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
“การเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด บริษัทจึงมีระบบการทำงานที่มีระเบียบมากขึ้นและสามารถรักษามาตรฐานให้อยู่ในระดับที่ดีได้ นอกจากนี้ ยังทำให้การตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมจะต้องคิดอย่างรอบคอบ เพราะมีผู้ถือหุ้นที่เราต้องคำนึงด้วย ซึ่งเรามั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะไม่เกิดปัญหา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”
ติดตามคอลัมน์ People ได้ใน วารสารการเงินธนาคาร
ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ฉบับที่ 458 บนแผงหนังสือชั้นนำทั้่วประเทศและในรูปแบบดิจิทัล
: https://goo.gl/U6OnIi